แฟ้มภาพ
แหล่งข่าวระดับสูงของญี่ปุ่น ชี้ พล.ต.ท. คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ไม่ตั้งใจพกปืนขึ้นเครื่อง แต่กฎหมายเรื่องนี้รุนแรง อ้างลืมไว้หรือไม่เจตนาไม่ได้ ด้านตำรวจญี่ปุ่นส่งปืนตรวจ รอส่งอัยการพิจารณาสั่งฟ้องหรือไม่
จากกรณี พล.ต.ท. คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ถูกควบคุมตัวที่สนามบินนาริตะ ประเทศญี่ปุ่น หลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบอาวุธปืนในกระเป๋า ขณะกำลังเดินทางกลับมายังประเทศไทย โดยทางอัยการญี่ปุ่นได้ขอขยายเวลาฝากขังอีก 10 วัน เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานประกอบสำนวน เพื่อพิจารณาว่าจะสั่งฟ้องต่อไปหรือไม่ ตามที่เสนอข่าวไปก่อนหน้านั้น
ความคืบหน้าคดีนี้เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2558 เว็บไซต์คมชัดลึก รายงานว่า ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังแหล่งข่าวระดับสูง ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ทางการของประเทศญี่ปุ่น จึงทราบว่า ขณะที่ พล.ต.ท. คำรณวิทย์ กำลังจะเดินทางขึ้นเครื่องบินสายการบินไทย TG640 กลับมาประเทศไทย ก็ได้เดินผ่านช่องตรวจบุคคลตามปกติ และไม่มีสิ่งผิดปกติแต่อย่างใดในระหว่างการตรวจค้นตัว
ภายหลังเจ้าหน้าที่ได้ทำการเอ็กซเรย์กระเป๋าสะพายและสัมภาระบางส่วนที่จะนำขึ้นเครื่อง กระทั่งพบสิ่งของขนาดเล็กอยู่ในกระเป๋าบรรจุยา จึงเรียกให้ พล.ต.ท. คำรณวิทย์ เปิดกระเป๋า และมีสีหน้าตกใจเมื่อสิ่งของนั้นคืออาวุธปืนขนาดเล็ก .22 ที่ถูกบรรจุกระสุนจำนวน 5 นัด ทาง พล.ต.ท. คำรณวิทย์ จึงได้บอกผ่านล่ามว่า ไม่มีเจตนานำอาวุธปืนขึ้นเครื่องบิน และกำลังหาปืนกระบอกนี้อยู่ ไม่คิดว่าจะมาอยู่ในกระเป๋ายา ทำให้ทางการญี่ปุ่นต้องควบคุมตัวไปสอบสวน
ภาพจาก รายการเรื่องเล่าเช้านี้
แหล่งข่าวจากญี่ปุ่นยังให้ข้อมูลด้วยว่า ทาง พล.ต.ท. คำรณวิทย์ ระบุว่า ช่วงที่เดินทางออกจากประเทศไทย กระเป๋ายาใบนี้อยู่ในสัมภาระที่โหลดลงใต้ท้องเครื่องบิน ซึ่งก็ไม่ได้สนใจอะไร กระทั่งจะเดินทางกลับประเทศไทย ได้นำกระเป๋ายามาใส่ไว้ในกระเป๋าสะพาย แต่ไม่ได้เปิดดู และไม่คิดว่าจะมีอาวุธปืนอยู่ในกระเป๋าใบนี้
ทั้งนี้ตามกฎหมายญี่ปุ่นมีโทษหนักในเรื่องเกี่ยวกับอาวุธปืน โดยประชาชนญี่ปุ่นไม่สามารถพกพาหรือครอบครองอาวุธปืนสั้นได้ สำหรับกรณีของ พล.ต.ท. คำรณวิทย์ นั้น แม้จะอ้างว่าไม่มีเจตนาและลืมไว้ แต่การพกพาอาวุธปืนเข้ามาในเขตท่าอากาศยานและกำลังเตรียมตัวขึ้นเครื่องบินกลับถือเป็นเรื่องรุนแรงสำหรับประเทศญี่ปุ่น
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจญี่ปุ่นได้นำปืนดังกล่าวไปตรวจสอบที่สำนักงานพิสูจน์หลักฐานแล้ว เพื่อดูว่าอาวุธปืนมีอานุภาพความรุนแรงมากน้อยแค่ไหน และมีทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายของไทยหรือไม่ เพื่อจะได้นำข้อมูลที่ได้สรุปส่งอัยการพิจารณาประกอบสำนวนว่าจะสั่งฟ้องหรือไม่สั่งฟ้อง
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
