หากย้อนกลับไป ในวันที่ 11 กันยายน 2544 เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงจำได้ดีกับเหตุการณ์ 9/11 โศกนาฏกรรมตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ ซึ่งนับว่าเป็นเป็นวันแห่งความสูญเสียครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์มนุษยชาติเลยทีเดียว ในช่วงเช้าตามเวลาท้องถิ่นในนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ในขณะที่ทุกคนกำลังเริ่มต้นวันใหม่ ไม่มีใครล่วงรู้เลยว่าในไม่อีกกี่นาทีหรือชั่วโมงข้างหน้า จะเกิดโศกนาฎกรรมครั้งใหญ่ที่ทั่วโลกไม่วันลืมขึ้น และจนถึงวันนี้แม้ว่าวันเวลาจะผ่านล่วงเลยมานานสิบกว่าปีแล้ว แต่ทั่วโลกก็ยังจดจำเหตุการณ์ในวันนั้นได้อย่างชัดเจน และในวันนี้เราจะพาไปย้อนรำลึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้นกัน
ตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์คืออะไร ?
ภาพจาก ทวิตเตอร์ @danayoung
เวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ (World Trade Center) เป็นกลุ่มอาคารจำนวน 7 อาคารในนครนิวยอร์ก ออกแบบโดยสถาปนิกลูกครึ่งญี่ปุ่น-อเมริกัน นามว่า มิโนรุ ยามาซากิ ก่อสร้างขึ้นในปี 2509 แล้วเสร็จในปี 2520 อาคารแห่งนี้เป็นอาคารศูนย์กลางการเงิน ธนาคาร ธุรกิจการค้า ห้างสรรพสินค้าและชุมชนขนาดใหญ่ ประกอบด้วยอาคาร 7 อาคาร ได้แก่ เวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ 1-7
อาคารที่สูงที่สุดคืออาคารแฝดเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ 1 และ 2 โดยอาคาร 1 มีความสูงราว 527 เมตร ส่วนอาคาร 2 มีความสูงราว 415 เมตร
9/11 โศกนาฏกรรมถล่มตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์
ภาพจาก ทวิตเตอร์ @Fawkes_Family
การพุ่งชนของเครื่องบินทั้งสองลำก่อให้เกิดระเบิดขนาดใหญ่ และทำให้อาคารทั้งสองถล่มลงมา โดยอาคารแฝดด้านใต้ถล่มหลังจากถูกชน 1 ชั่วโมงเศษ และอาคารแฝดด้านเหนือถล่มลงมาหลังจากนั้น 45 นาที
นอกจากที่เวิลด์เทรดเซ็นเตอร์แล้ว ยังมีการจี้เครื่องบินอีกสองลำ ได้แก่ เครื่องบินโดยสารของสายการบินอเมริกันแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ 77 ซึ่งคนร้ายบังคับมันให้พุ่งชนอาคารเพนตากอน (กระทรวงกลาโหม) ในเวลา 09.37 น. ส่วนอีกลำหนึ่งคือเครื่องบินโดยสารของสายการบินยูไนเต็ดแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ 93 ซึ่งตกลงในทุ่งใกล้กับแชงค์วิลล์ รัฐเพนซิลเวเนีย
ความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่
นอกจากผู้เสียชีวิตในเหตุวินาศกรรม ยังมีผู้เสียสละชีวิตจากการกู้ภัยอีกจำนวนมาก ได้แก่ นักผจญเพลิงของนครนิวยอร์ก 343 นาย ตำรวจนครนิวยอร์ก 23 นาย ตำรวจการท่าเรือของนิวยอร์กและนิวเจอร์ซีย์ 37 นาย และผู้สูญหายอีก 24 คน
ผู้อยู่เบื้องหลังวินาศกรรมช็อกโลก
อุซามะห์ บิน ลาดิน ภาพจาก en.wikipedia.org
หลังเกิดเหตุวินาศกรรม มีการพุ่งเป้าไปที่กลุ่มผู้ก่อการร้ายอัลกออิดะห์อย่างรวดเร็ว โดย อุซามะห์ บิน ลาดิน ผู้นำกลุ่ม ได้บอกปฏิเสธความเกี่ยวข้องในตอนแรก แต่สุดท้ายก็ยอมรับและอ้างความรับผิดชอบในเหตุวินาศกรรมดังกล่าวในปี 2547 โดยบอกเหตุผลจูงใจในการก่อเหตุว่า สหรัฐอเมริกาให้การสนับสนุนอิสราเอลและการให้ทหารสหรัฐฯ ประจำการในซาอุดีอาระเบีย
หลังจากนั้นรัฐบาลสหรัฐฯ ได้ตอบโต้กลุ่มผู้ก่อการร้าย โดยเริ่มสงครามต่อต้านการก่อการร้าย (War on Terror) กวาดล้างและขับไล่รัฐบาลตอลิบานที่ให้การสนับสนุนกลุ่มอัลกออิดะห์ จนกระทั่งในเดือนพฤษภาคม ปี 2554 บิน ลาดิน ก็ถูกพบตัวและถูกสังหาร
ตึกวันเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์และร่องรอยความทรงจำ
ภาพจาก ทวิตเตอร์ @/CRCVC
มีการสร้างอาคารขึ้นใหม่ทางด้านเหนือของบริเวณตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์เดิม และตั้งชื่อว่า "วันเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์" (1 World Trade Center) โดยมีชื่อเรียกเดิมว่า "ฟรีดอมทาวเวอร์" มีความสูงราว 541 เมตร เริ่มสร้างเมื่อปี 2549 แล้วเสร็จเมื่อปี 2557 ส่วนบนซากปรักหักพังเดิมก็ถูกทำความสะอาดและสร้างหออนุสรณ์สถานแห่งชาติ ที่เป็นพิพิธภัณฑ์สำหรับระลึกถึงโศกนาฏกรรมครั้งยิ่งใหญ่ของอเมริกันชน
การรำลึกถึงโศกนาฏกรรม
ภาพจาก ทวิตเตอร์ @kgarcia_sa
เพื่อเป็นการรำลึกถึงเหล่าผู้เสียชีวิตในเหตุโศกนาฏกรรม และเพื่อเป็นการส่งดวงวิญญาณของพวกเขาเหล่านั้นไปสู่สุคติในสัมปรายภพ ทางเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์จึงจัดให้มีการฉายแสงบริเวณบ่อน้ำอนุสรณ์รำลึก ซึ่งเคยเป็นที่ที่ตึกแฝดเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์เคยตั้งอยู่
บ่อน้ำอนุสรณ์รำลึก ภาพจาก ทวิตเตอร์ @Fly_Pharmacist
ผู้รอดชีวิตบางส่วนจากเหตุก่อการร้ายครั้งนั้น ได้นำสิ่งของที่ตนสวมใส่เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2544 มาบริจาคให้กับหออนุสรณ์สถานแห่งชาติด้วย
รุ้งกินน้ำปรากฏพาดขอบฟ้า ในโอกาสรำลึก 14 ปีโศกนาฏกรรม 9/11 เมื่อปี 2558
ภาพจาก ทวิตเตอร์ @NYPD19Pct
เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2558 เวลาประมาณ 08.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นของนครนิวยอร์ก มีฝนตกประปรายและเกิดปรากฏการณ์รุ้งกินน้ำที่บริเวณตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์พอดิบพอดี บังเกิดเป็นภาพสุดอัศจรรย์ ราวกับว่ารุ้งกินน้ำที่ปรากฏขึ้นมานี้เป็นตัวแทนแห่งความสุขและความหวังใหม่อีกครั้งให้กับเหล่าอเมริกันชนและผู้คนทั่วโลกที่ยังคงไม่ลืมเลือนเหตุการณ์แห่งโศกนาฏกรรม 9/11