สรุปชัด ! ลำดับเรื่องราวชอตต่อชอต เหตุระเบิดแยกราชประสงค์-ท่าเรือสาทร

สรุปเหตุระเบิดแยกราชประสงค์-ท่าเรือสาทร

          สรุปแบบชัด ๆ ลำดับเรื่องราวชอตต่อชอต จากการแถลงข่าวเหตุระเบิดแยกราชประสงค์และท่าเรือสาทร หลักฐานชิ้นสำคัญมัดแน่นผู้ต้องหา 

          เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2558 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พลตำรวจตรี ชยพล ฉัตรชัยเดช ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 กล่าวอธิบายสรุปแผนผังของเหตุการณ์ระเบิดทั้งหมดว่า เหตุการณ์ระเบิดครั้งนี้มีความเกี่ยวพันกับ 4 สถานที่ คดีแรกเหตุเกิดเมื่อวันที่ 17 สิงหาคมที่ผ่านมา เวลา 18.55 น. ได้เกิดเหตุระเบิดที่ศาลพระพรหมแยกราชประสงค์ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 20 คน  บาดเจ็บอีกกว่า 100 คน คดีนี้เจ้าหน้าที่ได้เก็บวัตถุพยานในที่เกิดเหตุ ประกอบด้วย ชิ้นส่วนเป้ ชิ้นส่วนลูกเหล็กกลม และชิ้นส่วนของท่อเหล็ก ซึ่งอยู่ในที่เกิดเหตุจำนวนมาก และในวันถัดมาได้เกิดเหตุระเบิดขึ้นอีกครั้งที่ท่าเรือสาทรโดยเจ้าหน้าที่พบวัตถุพยาน ได้แก่ ลูกเหล็กกลม ท่อแป๊บ และยังสามารถเก็บฝักแคระเบิดได้ในที่เกิดเหตุ

          ด้วยเหตุนี้ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ได้กำชับมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้เร่งรัดติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีโดยเร็ว พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. ได้มีคำสั่งตั้ง พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. เป็นหัวหน้าทีมสืบสวนสอบสวน มีหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องทุกหน่วย พล.ต.ท. ศรีวราห์  รังสิพราหมณกุล ผบช.น. รับผิดชอบงานด้านการสืบสวนสอบสวนร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหาร โดยร่วมกับฝ่ายความมั่นคง โดยมีการสอบพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องเกือบ 200 ปาก สำหรับการระเบิดราชประสงค์ และภาพจากกล้องวงจรปิดยืนยันคนร้ายคือ ชายคนร้ายใส่เสื้อสีเหลือง ต่อมาในคดีที่ 2 สะพานสาทร เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการสอบสวนพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องกว่า 30 ราย และภาพวงจรปิดที่ระบุว่าคนร้ายเป็นชายเสื้อสีฟ้า

สรุปเหตุระเบิดแยกราชประสงค์-ท่าเรือสาทร

          จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงสืบสวนติดตามโดยใช้เครื่องมือต่าง ๆ และใช้การสืบสวนโดยใช้อุปกรณ์พิเศษ จนกระทั่งสามารถสืบสวนติดตามทราบว่าคนร้าย 1 คนได้หลบหนีมาอยู่ที่พูลอนันต์ อพาร์ทเม้นท์ ในวันที่ 29 สิงหาคม เจ้าหน้าที่หทารและตำรวจได้ร่วมกันทำการปิดล้อมตรวจค้นห้องพักเป้าหมาย 412 และ 414 เจอตัวผู้ต้องหาคนที่ 1 คือ นายบิลาล มูฮัมมัด ซึ่งในครั้งแรกอ้างว่าชื่อ นายอาเดม คาราดัก ซึ่งเป็นชื่อปลอม แต่สารภาพชื่อจริงในภายหลัง ซึ่งจากการตรวจค้นพบวัสดุของกลางจำนวนมาก ทั้งอุปกรณ์ที่ใช้ในการประกอบระเบิด ฝักแคระเบิด ท่อแป๊บน้ำ ลูกเหล็กกลมที่บรรจุไว้ในถุงพลาสติก สารเคมีทีเอทีพี ซึ่งเป็นสารที่ใช้ในการประกอบระเบิด เสื้อผ้าที่สวมใส่

          นอกจากนี้ในวันเดียวกันเจ้าหน้าที่ยังสอบสวนพยานและรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องจนได้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่าที่ไมมูณา การ์เด้นโฮมยังมีกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดมาอาศัยอยู่ในห้อง 9106 ด้วย เจ้าหน้าที่จึงทำการปิดล้อมตรวจค้นอย่างรวดเร็ว พร้อมตรวจค้นพบหลักฐานอุปกรณ์ที่ใช้ประกอบระเบิด ที่สำคัญคือพบดินเทาซึ่งถือเป็นยุทธภัณฑ์ หลังจากปิดล้อมตรวจค้นแล้วเจ้าหน้าที่ได้ยึดของกลางทั้งหมด และจับกุมนายบิลาล (อาเดม) มาดำเนินคดี

          พล.ต.ต. ชยพล  กล่าวอีกว่า จากการสอบสวนพยานที่เกี่ยวข้องกับพูลอนันต์ อพาร์ทเม้นท์ ทำให้ทราบว่า นอกจากนายบิลาล (อาเดม) แล้วยังมีกลุ่มคนร้ายที่เกี่ยวข้องร่วมกระทำความผิด ดังนี้ ชุดแรกเป็นกลุ่มบุคคลที่เริ่มเข้ามาพักอาศัยในห้อง 412 และ 414 ประกอบด้วย นายอาห์เม็ท โบซองแลน นายอาริ โจลัน ชายชาวตุรกีไม่ทราบชื่อ นายอับดุลเลาะห์ อับดุลเลาะห์มาน

สรุปเหตุระเบิดแยกราชประสงค์-ท่าเรือสาทร

          ต่อมาได้มีการขยายผลจากการรวบรวมพยานหลักฐานทำให้ทราบว่าคนร้ายอีกคนหนึ่งยังหลบหนีอยู่ในประเทศ และสามารถติดตามจับกุมตัวได้ที่ จ.สระแก้วคือ นายเมียไรลี ยูซูฟู มาดำเนินคดี จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด ช่วงเวลาเดินทาง และมีหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์มีลายนิ้วมือแฝงของผู้ต้องหาทั้งสองคนปรากฏอยู่บนอุปกรณ์ที่ใช้ทำระเบิด นอกจากนี้ยังมีการตรวจสอบสิ่งของทุกชิ้นในห้องพบถุงกระเทียมตัดจุกอยู่ในตู้เย็น จึงตรวจสอบบาร์โค้ดพบว่ามีคนร้ายอีกคนหนึ่งมาอาศัยอยู่ด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ภาพคนร้ายที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง

          จากนั้นได้ดำเนินการตรวจสอบทราบว่ามีกลุ่มคนร้ายอีกหนึ่งคนชื่อ นายอับดุล ดาวับ จากการซัดทอดของนายยูซูฟู ว่าเป็นผู้ที่ทำวีซ่าและจัดหาที่พักให้ และเป็นผู้ว่าจ้างให้เขาขับรถรับชายเสื้อสีฟ้าจาหน้ารามคำแหงไปส่งที่หน้าแม็คโคร หลังจากนั้นก็ได้หลบหนีออกไปทางภาคใต้ นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังพบ ใบเสร็จซื้อวัสดุอุปกรณ์ที่นำมาใช้ประกอบเป็นวัตถุระเบิดคือท่อหรือแป๊บน้ำที่พูลอนันต์ อพาร์ทเม้นท์ จึงเข้าตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบชายใส่แว่นเป็นผู้ซื้อ จึงได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับในคดีของพูลอนันต์ อพาร์ทเม้นท์ ในข้อหามีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครอง

          สำหรับในส่วนของการสอบสวนพยานที่เกี่ยวข้องในไมมูณา การ์เด้นโฮมพบผู้ต้องหาเพิ่มเติม ประกอบด้วยผู้ต้องหาที่เข้ามาติดต่อเช่าห้องพัก ทั้ง น.ส.วรรณา สวนสัน หรือ ไมซาเราะห์ ชาวไทย และสามี นายเอ็มระห์ ดาวูโตกลู ทั้งคู่มาเปิดห้องพัก 9016 ให้คนร้ายเข้าพัก มีกลุ่มคนร้ายเข้าไปพักอาศัย ประกอบไปด้วย นายยูซูฟ ไม่ทราบนามสกุล อีกทั้งมีพยานบุคคลและภาพวงจรปิดยืนยันว่านายยูซูฟูและนายบิลาลได้เข้า-ออกในห้อง 9106 เช่นเดียวกัน

สรุปเหตุระเบิดแยกราชประสงค์-ท่าเรือสาทร

          ขณะเดียวกันยังพบบุคคลสำคัญอีกคนหนึ่งซึ่งเป็นคนไทย คือ นายอ๊อด พยุงวงศ์ หรือนายยงยุทธ พบแก้ว เจ้าหน้าที่ได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้องในคดีนี้ในส่วนของไมณูณา การ์เด้นโฮมในเรื่องของการมียุทธภัณฑ์ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตโดยมีดินเทา ส่วนที่พูลอนันต์ อพาร์ทเม้นท์นั้น มีฝักแคระเบิดมีอุปกรณ์ประกอบระเบิด ไว้ในครอบครอง

          ยิ่งไปกว่านั้นยังพบข้อมูลของผู้สนับสนุนอีกส่วนหนึ่ง เนื่องจากมีพยานหลักฐานยืนยันว่า โทรศัพท์ที่คนร้ายใช้ในคดีนี้ทั้งหมด มีผู้ทำหน้าที่จดทะเบียนซื้อซิมการ์ดให้คนร้ายนำมาก่อเหตุ คือนายอาลีนู นายมูฮัมเหม็ด อิสเมล

          ทั้งนี้ จากการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด พนักงานสอบสวนได้ยืนยันระบุว่า กลุ่มบุคคลที่ใช้จ้างวานสั่งกลุ่มบุคคลเหล่านี้กระทำความผิด ประกอบไปด้วย

          1. นายอิซาน นายอับดุลเลาะห์มาล

          2. นายซูแบร์ หรือชายเสื้อฟ้า

          3. นายเมียไรลี ยูซูฟู

          4. นายบิลาล มูฮัมมัด


          ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นชุดที่เข้ามาดำเนินการปฏิบัติการ ส่วนบุคคลอื่น ๆ เป็นผู้สนับสนุน ผู้ร่วมในการกระทำความผิด  จากนั้นพนักงานจึงรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดออกหมายจับ เนื่องจากคดีวัตถุระเบิดนั้นอยู่ในอำนาจศาลทหารตามคำสั่ง คสช.

          นอกจากนั้น พล.ต.อ. สมยศ ผบ.ตร. ยังให้ข้อมูลระหว่างแถลงข่าวสรุปคดีด้วยว่า ผลงานที่เกิดขึ้นมาจากความสามารถและความพยายามของตำรวจ-ทหาร รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้อง เราทำงานแบบบูรณาการ ทั้งการสืบสวน สอบสวน การหาข่าว รวมถึงการประสานงานด้านความมั่นคง และใช้กำลังของเจ้าหน้าที่กองปราบปรามทำงานทุกขั้นตอน ทำให้สามารถคลี่คลายคดีได้อย่างเรียบร้อย และถือว่าสมบูรณ์แบบ โดยจับกุมผู้ต้องหาพร้อมหลักฐาน และออกหมายจับผู้ต้องหาที่เหลือ ซึ่งต้องติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป

          ผบ.ตร. ระบุว่า แรงจูงใจในการก่อเหตุ เชื่อว่ามาจากเจ้าหน้าที่ของรัฐไปทำลายไปจับกุมเครือข่ายขบวนการค้ามนุษย์  โดยเฉพาะการค้ามนุษย์ชาวอุยกูร์ที่จำเป็นต้องใช้พาสปอร์ตปลอม  แต่ก็ยังเชื่อว่ามีบุคคลอยู่เบื้องหลังที่เป็นคนจ้างวานหรือใช้สอยกลุ่มก่อเหตุ เพราะเคยพูดหลายครั้งว่ามีกลุ่มคนที่ประสงค์ร้ายและร่วมกันก่อเหตุ แต่ทั้งนี้ ผู้จ้างวานที่อยู่เบื้องหลังจะต้องขยายผลต่อไป
         
          พล.ต.อ.สมยศ เผยว่า ตัวละครต่าง ๆ อาจเชื่อมโยงได้ เช่นนายอ๊อด หรือนายยงยุทธ มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดที่มีนบุรี (ปี 2557) และที่สมานเมตตาแมนชั่น (ปี 2553) ดังนั้น ตำรวจต้องไปหาส่วนเชื่อมโยง และคนจ้างวานอาจจะต้องการให้เกิดเจตนาเหตุร้าย โดยการว่าจ้างคนอีกกลุ่มที่อาจจะไม่พอใจการทำงานเข้มงวดของรัฐเข้ามาก่อเหตุ เพื่อให้เกิดประโยชน์ร่วมกันทั้งกลุ่มผู้ก่อเหตุและจ้างวาน  

           "สาเหตุมาจากความแค้นที่ทำลายขบวนการค้ามนุษย์ แต่จะเกี่ยวข้องกับการเมืองหรือไม่ ตำรวจไม่สามารถจะตัดเรื่องนี้ทิ้งไปได้ เพราะมีผู้ต้องหาในคดีนี้คือนายยงยุทธมีส่วนเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดทางการเมืองที่ผ่านมา ทั้งที่มีนบุรี และที่สมานเมตตาแมนชั่น ล่าสุดเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์ ซึ่งเป็นหน้าที่ต้องสอบสวนสืบสวนขยายผลต่อไป ส่วนจะรู้ได้อย่างไรต้องรอให้จับนายยงยุทธหรือนายอ๊อดให้ได้ก่อน จากการสอบสวนพบว่ามีส่วนเชื่อมโยงกันจริง แต่ตำรวจยังไม่หยุดต้องขยายผลต่อว่ามีใครมาเกี่ยวข้องอีกหรือไม่" ผบ.ตร. กล่าว
         

เรื่องน่าสนใจอื่นๆ
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
สรุปชัด ! ลำดับเรื่องราวชอตต่อชอต เหตุระเบิดแยกราชประสงค์-ท่าเรือสาทร อัปเดตล่าสุด 29 กันยายน 2558 เวลา 14:06:32 11,742 อ่าน
TOP
x close