เจาะ 10 ประเด็น ตำรวจสรุปคดีระเบิดราชประสงค์-ท่าเรือสาทร


ระเบิดราชประสงค์
 
          สรุป 10 ประเด็น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) แถลงสรุปคดีระเบิดราชประสงค์-ท่าเรือสาทร ซึ่งเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 20 กว่าราย ยันหลักฐานชัด "อาเดม คาราดัก" หรือ "บิลาล มูฮัมมัด" เป็นชายเสื้อเหลือง แรงจูงใจเพราะผลจากการที่ขบวนการค้ามนุษย์อุยกูร์โดนปราบหนัก นอกจากนั้น ยังพบว่า "นายอ๊อด พยุงวงศ์" ซึ่งเป็นผู้ต้องหาคดีบึ้มมีนบุรี (ปี 2557) และระเบิดสมานเมตตาแมนชั่น (ปี 2553)  มีเอี่ยวด้วย ทำให้ไม่ตัดประเด็นการเมืองทิ้ง

          เป็นระยะเวลาเกือบ 2 เดือนแล้ว ที่สังคมไทยและต่างชาติต่างจับตามองการทำงานของ "สำนักงานตำรวจแห่งชาติ" (สตช.) ในการคลี่คลายคดีระเบิดราชประสงค์และท่าเรือสาทร ที่ได้ขยายผลติดตามคดีจนนำไปสู่การออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการรายหลาย และจับกุม 2 ผู้ต้องหาคนสำคัญรวมถึง นายอาเดม คาราดัก ซึ่งต่อมาทราบชื่อแท้จริงว่า นายบิลาล มูฮัมมัด  ชายเสื้อเหลืองผู้วางระเบิดราชประสงค์

          ล่าสุดเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2558 พลตำรวจตรี ชยพล ฉัตรชัยเดช ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 จึงออกมาแถลงสรุปลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด เพื่อให้ประชาชนได้มองเห็นรูปคดีอย่างชัดเจน  มีรายละเอียดสำคัญ สรุปได้ดังนี้

1. เหตุระเบิดเกี่ยวพัน 4 สถานที่

ศาลพระพรหม แยกราชประสงค์

          เกิดระเบิดขึ้นช่วงหัวค่ำวันที่ 17 สิงหาคม 58 เป็นผลให้มีผู้เสียชีวิตทั้งชาวไทยและต่างชาติรวมกว่า 20 คน บาดเจ็บกว่า 100 คน เจ้าหน้าที่พบวัตถุพยานในที่เกิดเหตุ ประกอบด้วย ชิ้นส่วนเป้ ชิ้นส่วนลูกเหล็กกลม และชิ้นส่วนของท่อเหล็ก จากการสอบปากคำพยานบุคคลกว่า 200 ปาก และตรวจสอบกล้องวงจรปิด สามารถยืนยันได้ว่าผู้ก่อเหตุเป็นชายสวมเสื้อสีเหลือง

 ระเบิดราชประสงค์
ภาพเหตุการณ์ระเบิดบริเวณหน้าศาลพระพรหม แยกราชประสงค์
ภาพจาก PORNCHAI KITTIWONGSAKUL / AFP

ระเบิดราชประสงค์
ภาพเหตุการณ์ระเบิดบริเวณหน้าศาลพระพรหม แยกราชประสงค์
ภาพจาก PORNCHAI KITTIWONGSAKUL / AFP

ท่าเรือสาทร

          เกิดระเบิดขึ้นช่วงบ่ายวันที่ 18 สิงหาคม เจ้าหน้าที่พบวัตถุพยาน ประกอบด้วย ลูกเหล็กกลม ท่อแป๊บ และยังสามารถเก็บฝักแคระเบิดได้ในที่เกิดเหตุ โดยจากการสอบสวนพยานบุคคลกว่า 30 ปาก และตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบคนร้ายเป็นชายสวมเสื้อสีฟ้า

ปาระเบิดใต้สะพานตากสิน
ภาพเหตุการณ์ระเบิดท่าเรือสาทร

ปาระเบิดใต้สะพานตากสิน
ภาพเหตุการณ์ระเบิดท่าเรือสาทร

ปาระเบิดใต้สะพานตากสิน
ภาพเหตุการณ์ระเบิดท่าเรือสาทร

พูลอนันต์ อพาร์ทเม้นท์ ย่านหนองจอก

          ตำรวจร่วมกับทหารติดตามคดีระเบิดโดยใช้เครื่องมือต่าง ๆ รวมถึงอุปกรณ์พิเศษ ทำให้ทราบเบาะแสคนร้ายซึ่งหลบมาอาศัยอยู่ที่ พูลอนันต์ อพาร์ทเม้นท์ และนำกำลังเข้าล้อมจับเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม โดยจากการตรวจค้นห้องพักหมายเลข 412 และ 414 พบผู้ต้องหารายที่ 1 คือ นายบิลาล มูฮัมมัด ซึ่งในครั้งแรกอ้างว่าชื่อ นายอาเดม คาราดัก แต่สารภาพชื่อจริงในภายหลัง

          จากการตรวจค้นพบของกลางจำนวนมาก ทั้งอุปกรณ์ที่ใช้ในการประกอบระเบิด ฝักแคระเบิด ท่อแป๊บน้ำ ลูกเหล็กกลมที่บรรจุไว้ในถุงพลาสติก สารเคมีทีเอทีพี ซึ่งเป็นสารที่ใช้ในการประกอบระเบิด รวมถึงเสื้อผ้าที่สวมใส่

ไมมูณา การ์เด้นโฮม เขตมีนบุรี

          ในวันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ได้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่าที่ อพาร์ทเม้นท์ ไมมูณา การ์เด้นโฮม ยังมีกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดมาอาศัยอยู่ในห้อง 9106 จึงปิดล้อมตรวจค้นพบหลักฐานเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ประกอบระเบิด ที่สำคัญคือพบดินเทาซึ่งถือเป็นยุทธภัณฑ์ เจ้าหน้าที่จึงได้ยึดของกลางทั้งหมด และจับกุมนายบิลาล (อาเดม) มาดำเนินคดี

2. สอบสวนพบทำเป็นขบวนการ

          จากการสอบสวนพยานที่เกี่ยวข้องกับพูลอนันต์ อพาร์ทเม้นท์ ทำให้ทราบว่า นอกจากนายบิลาลแล้วยังมีกลุ่มคนร้ายที่เกี่ยวข้องร่วมกระทำความผิด เป็นผู้เริ่มเข้ามาพักอาศัยในห้อง 412 และ 414 ประกอบด้วย นายอาห์เม็ท โบซองแลน, นายอาลิ โจลัน, ชายชาวตุรกีไม่ทราบชื่อ และนายอับดุลเลาะห์ อับดุลเลาะห์มาน

          ต่อมาทราบว่ามีคนร้ายอีกคนหนึ่งยังหลบหนีอยู่ในประเทศ โดยสามารถติดตามจับกุมตัวได้ที่ จ.สระแก้ว คือ นายเมียไรลี ยูซูฟู ซึ่งจากหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ พบรอยลายนิ้วมือแฝงของผู้ต้องหาทั้ง 2 คนปรากฏอยู่บนอุปกรณ์ที่ใช้ทำระเบิด

          จากการตรวจสอบในห้องยังพบ "ถุงกระเทียมตัดจุก" อยู่ในตู้เย็น ซึ่งเมื่อตรวจสอบบาร์โค้ดที่ถุงพบว่า คนร้ายอีกคนหนึ่งเป็นคนซื้อและมาอาศัยอยู่ด้วย โดยตำรวจได้ภาพคนร้ายรายนี้จากห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง

          นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังพบใบเสร็จซื้อวัสดุอุปกรณ์ที่นำมาใช้ประกอบเป็นวัตถุระเบิด คือท่อแป๊บน้ำที่พูลอนันต์ อพาร์ทเม้นท์ จึงเข้าตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบชายใส่แว่นเป็นผู้ซื้อ และได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับในคดีของพูลอนันต์ อพาร์ทเม้นท์ ในข้อหามีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครอง

          สำหรับในส่วนของการสอบสวนพยานที่เกี่ยวข้องในไมมูณา การ์เด้นโฮม พบผู้ต้องหาเพิ่มเติม ประกอบด้วยผู้ต้องหาที่เข้ามาติดต่อเช่าห้องพักคือ น.ส.วรรณา สวนสัน หรือไมซาเราะห์ ชาวไทย และสามีคือ นายเอ็มระห์ ดาวูโตกลู ทั้งคู่มาเปิดห้องพัก 9016 ให้คนร้ายเข้าพัก มีกลุ่มคนร้ายเข้าไปพักอาศัย ประกอบไปด้วย นายยูซูฟู อีกทั้งมีพยานบุคคลและภาพวงจรปิดยืนยันว่านายยูซูฟูและนายบิลาลได้เข้า-ออกในห้อง 9106 เช่นเดียวกัน

          ยิ่งไปกว่านั้นข้อมูลของผู้สนับสนุนอีกส่วนหนึ่ง มีพยานหลักฐานยืนยันว่า โทรศัพท์ที่คนร้ายใช้ในคดีนี้ทั้งหมด มีผู้ทำหน้าที่จดทะเบียนซื้อซิมการ์ดคือ นายอาลิ นู และนายมูฮัมเหม็ด อิสเมล

3. ยูซูฟู ซัดทอดโยง ‘อิซาน-ไอ้อ๊อด’

          หลังจากได้นำตัวผู้ต้องหารายที่ 2 คือ นายเมียไรลี ยูซูฟู มาสอบสวน ผู้ต้องหาได้ซัดทอดไปยังคนร้ายอีกราย ชื่อ นายอับดุล ดาวับ ซึ่งเป็นผู้ที่ทำวีซ่าและจัดหาที่พักให้ ทั้งยังเป็นผู้ว่าจ้างให้ขับรถรับ "ชายเสื้อสีฟ้า" จากหน้ารามคำแหงไปส่งที่หน้าแม็คโคร ก่อนจะหลบหนีออกไปทางภาคใต้

          ยูซูฟูยังให้การว่า ผู้ที่ติดต่อนายบิลาล ช่วยเหลือ จัดหาวัตุระเบิด เครื่องมือเครื่องใช้ คือนายอาบูดูซาตาร์ อบูดูเระห์มาน หรือ  "อิซาน" และยังมีบุคคลสำคัญอีกคนหนึ่งซึ่งเป็นคนไทยคือ นายอ๊อด พยุงวงศ์ หรือ นายยงยุทธ พบแก้ว

          ล่าสุด เจ้าหน้าที่ได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้องในคดีนี้ในส่วนของไมณูณา การ์เด้นโฮม เรื่องของการมียุทธภัณฑ์ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตโดยมีดินเทา ส่วนที่พูลอนันต์ อพาร์ทเม้นท์นั้น มีฝักแคระเบิด มีอุปกรณ์ประกอบระเบิดไว้ในครอบครอง

4. เปิดขบวนการบึ้ม ใครทำหน้าที่อะไร

ระเบิดราชประสงค์

          จากการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด พนักงานสอบสวนยืนยันระบุว่า กลุ่มผู้กระทำผิดชุดที่เข้ามาดำเนินการปฏิบัติการ ประกอบด้วย นายอิซาน, นายอับดุลเลาะห์มาน, นายซูแบร์ หรือชายเสื้อฟ้า , นายเมียไรลี ยูซูฟู และนายบิลาล มูฮัมมัด (อาเดม)

          ส่วนบุคคลอื่น ๆ เป็นผู้สนับสนุน ผู้ร่วมในการกระทำความผิด จากนั้นพนักงานจึงรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดออกหมายจับ เนื่องจากคดีวัตถุระเบิดนั้นอยู่ในอำนาจศาลทหารตามคำสั่ง คสช.

5. ศาลทหารอนุมัติ 17 หมายจับ

ระเบิดราชประสงค์

          1. นายอาร์เม็ท โบซองแลน ผู้เช่าห้องพักที่พูลอนันต์ อพาร์ทเม้นท์ ห้องหมายเลข 414

          2. นายอาลิ โจลัน ผู้เช่าห้องพักหมายเลข 412

          3. ชายชาวตุรกี ไม่ทราบชื่อตามภาพสเก็ตช์ ซึ่งพักอาศัยอยู่กับนายบิลาล ที่ห้องหมายเลข 412

          4. นายเมียไรลี ยูซูฟู เป็นผู้ซื้อสารเคมี ประกอบชิ้นส่วนระเบิด และนำระเบิดไปให้กับชายเสื้อเหลืองที่สถานีรถไฟหัวลำโพง

          5. นายอับดุลเลาะห์ อับดุลเลาะห์มาน พานายบิลาลไปพักอาศัยที่ห้อง 412

          6. นายอับดุล ดาวับ เป็นผู้ว่าจ้างให้ นายอิซานทำวีซ่าและจัดหาห้องพักให้กับนายเมียไรลี ยูซูฟู
         
          7. น.ส.วรรณา สวนสัน หรือ ไมซาเราะห์ ผู้เช่าห้องพักที่ไมมูณา การ์เด้นโฮม

          8. นายเอ็มระห์ ดาวูโตกลู สามี น.ส.วรรณา

          9. นายยูซุฟ ไม่ทราบนามสกุล พักอาศัยที่ห้องไมมูณา การ์เด้นโฮม

          10. นายอ๊อด พยุงวงศ์ หรือนายยงยุทธ พบแก้ว มีส่วนพบปะกับ น.ส.วรรณา และเมียไรลี ยูซูฟู ที่บริเวณไมมูณา การ์เด้นโฮม

          11. นายอาบูดูซาตาร์ อบูดูเระห์มาน หรืออิซาน พักที่ห้อง 9106 ไมมูณา การ์เด้นโฮม

          12. อาลิ นู เป็นผู้ใช้หนังสือเดินทางของตุรกี ซื้อซิมโทรศัพท์

          13. นายมานา มาหมัด อิสเมล ใช้หนังสือเดินทางซื้อซิมโทรศัพท์ที่คนร้ายใช้

          14. ชายไม่ทราบชื่อและนามสกุลตามภาพสเก็ตช์ ผู้ซื้อท่อเหล็ก

          15. ชายไม่ทราบชื่อและนามสกุล ตามภาพจากกล้องวงจรปิด ห้างสรรพสินค้าเทสโก้ โลตัส สาขาหนองจอก ซื้ออาหารและพักที่ห้อง 412

          16. นายบิลาล มูฮัมมัด (อาเดม) ชายใส่เสื้อเหลืองนำกระเป๋าเป้ระเบิดไปวางไว้ที่ศาลพระพรหม

          17. นายซูแบร์ ชายเสื้อสีฟ้าตามกล้องวงจรปิด พักอาศัยที่ห้องหมายเลข 412 และเป็นผู้โยนระเบิดลงที่ท่าเรือสาทร

          โดยออกหมายจับในข้อหา ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันทำระเบิดจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสและทรัพย์สินได้รับความเสียหาย, ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ แล้วร่วมกันมีวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันพกพาอาวุธระเบิดไปในเมืองหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร และร่วมกันมียุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต

6. หลักฐานมัดเสื้อเหลือง รับสารภาพ

ระเบิดราชประสงค์
นายบิลาล หรือ อาเดม รับเป็นคนเสื้อเหลือง

          สำหรับพยานหลักฐานที่ยืนยันได้ว่า นายบิลาล (อาเดม) เป็นคนเดียวกับชายเสื้อเหลือง สามารถพิสูจน์ได้จากหลักฐานการสอบพยานบุคคล การตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ และการตรวจสอบเทคนิคพิเศษตรวจอุปกรณ์พิเศษ จนกระทั่งผู้ต้องหาจำนนต่อหลักฐาน ไม่สามารถปฏิเสธว่าไม่ใช่บุคคลดังกล่าวได้ จึงได้รับสารภาพและนำชี้สถานที่เกิดเหตุได้อย่างถูกต้องชัดเจน

ระเบิดราชประสงค์
นำตัว นายบิลาล ทำแผนประกอบคำรับสารภาพ

          ส่วนนายเมียไรลี ยูซูฟู ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพชัดเจน และชี้สถานที่ได้อย่างชัดเจน

          อย่างไรก็ตาม นายซูแบร์ ชายเสื้อฟ้า ได้ทำการหลบหนีออกนอกประเทศไปเรียบร้อยแล้ว

7. สองผู้ต้องหาชาวไทยยังหลบหนี

          ในขณะที่ตำรวจสามารถจับคนร้ายได้ 2 ราย จาก 17 รายตามหมายจับ พบว่ายังมีกลุ่มคนไทยที่มีส่วนเกี่ยวข้องยังคงหลบหนีอยู่อีก 2 ราย ประกอบด้วย น.ส.วรรณา สวนสัน หรือ ไมซาเราะห์ และ นายอ๊อด พยุงวงศ์ หรือ นายยงยุทธ พบแก้ว

8. พบ “ไอ้อ๊อด” โยงคดีบึ้มการเมือง

ระเบิดราชประสงค์
นายอ๊อด พยุงวงศ์ สมัยถูกจับกุม

          จากการตรวจสอบประวัติย้อนหลังพบว่า นายอ๊อด พยุงวงศ์ มีประวัติการต้องโทษคดีอาญาหลายคดี โดยถูกออกหมายจับและเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์วางระเบิดในพื้นที่ย่านมีนบุรีในปี 2557 และเหตุระเบิดครั้งใหญ่ที่สมานเมตตาแมนชั่น เมื่อปี 2553 ซึ่งระเบิดทั้งสองแห่งมีความเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทางการเมือง

          อย่างไรก็ตาม นายอ๊อดถือเป็นบุคคลลึกลับที่ไม่สามารถยืนยันได้ว่ามีภูมิลำเนาที่ใด เพราะถูกจับมา 9 ครั้ง ไม่มีเลข 13 หลักและไม่มีบัตรประชาชน

          สำหรับเหตุการณ์วางระเบิดย่านมีนบุรี เกิดขึ้นเมื่อช่วงปลายเดือนมีนาคม 2557 เมื่อพบชาย 2 คนขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านเช่าในซอยราษฎร์อุทิศ ย่านมีนบุรี โดยพกพาระเบิดแสวงเครื่องชนิดไปป์บอมบ์ไปด้วย แต่ระหว่างทางเกิดระเบิดขึ้นจนทั้งคู่เสียชีวิตคาที่ ต่อมาเมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบบ้านเช่าของทั้งคู่ พบมีระเบิดไปป์บอมบ์ซุกซ่อนอยู่อีก 5 ลูก โดยทำขึ้นจากท่อเหล็กและใช้ดินปืนดำเป็นส่วนประกอบ

ระเบิดราชประสงค์
ภาพล่าสุดของนายอ๊อด

          จากการสอบสวน พบว่าคดีระเบิดที่มีนบุรี มีความเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดที่สมานเมตตาแมนชั่น ย่านบางบัวทอง จ.นนทบุรี เมื่อเดือนตุลาคมปี 2553 โดยพบว่าคนที่เช่าบ้านที่มีนบุรี ได้ใช้บัตรอาสาตำรวจบ้าน จ.ราชบุรี อ้างชื่อว่าเป็น นายอ่าว อิสระส์ แต่จากการตรวจสอบพบว่าเป็นการใช้ชื่อปลอม

          เมื่อตรวจสอบเชิงลึก ตำรวจพบว่าภาพถ่ายในบัตรดังกล่าว เมื่อนำไปเปรียบเทียบคดีค้างเก่าเป็นภาพของ นายกษิ ดิฐธนรัชต์ ชาว จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นผู้ต้องหาในคดีระเบิดที่สมานเมตตาแมนชั่น ซึ่งจากหลักฐานในทั้ง 2 คดี พบว่าอาจมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองเสื้อสีหนึ่ง โดยเฉพาะบรรดา "อดีตการ์ดฮาร์ดคอร์" และอาจมีนักการเมืองหนุนอยู่ข้างหลัง คาดว่าจะมีการก่อเหตุสร้างสถานการณ์ทางการเมืองให้รุนแรงขึ้น

9. ต้นเหตุวางบึ้มยังไม่ตัดประเด็นการเมือง

ระเบิดราชประสงค์

          สำหรับมูลเหตุของคดีระเบิดกลางกรุงครั้งนี้ พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. ชี้ว่ามาจากการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐทำลายขบวนการและเครือข่ายการค้ามนุษย์อุยกูร์

          อย่างไรก็ตาม จากการสืบสวนเชื่อมั่นว่ามีกลุ่มบุคคลอยู่เบื้องหลังในการจ้างวาน โดยบุคคลหลายกลุ่มมีวัตถุประสงค์และความต้องการเดียวกัน แต่ก็ยังไม่สามารถตัดประเด็นที่อาจจะมาจากการเมืองได้ เนื่องเจ้าหน้าที่พบว่า นายอ๊อด พยุงวงศ์ ชายไทยที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการระเบิด ได้เคยถูกออกหมายจับและเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์วางระเบิดที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทางการเมืองมาก่อน

10. แนวทางการสืบสวนหลังจากนี้

          พลตำรวจเอก จักรทิพย์ ชัยจินดา ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีระเบิดราชประสงค์ กล่าวว่า ในขณะนี้กำลังติดตามตัวนายอ๊อด และผู้ต้องหาที่กำลังหลบหนีอยู่ รวมถึงนายซูแบร์ ผู้ที่เป็นชายเสื้อฟ้า ซึ่งพบว่าหากหลบหนีไปยังประเทศใดก็จะต้องประสานไปยังประเทศนั้น ยืนยันว่าการสืบสวนสอบสวนในขณะนี้เดินมาถูกทางแล้ว ส่วนจำนวนเงินค่าจ้างในการก่อเหตุครั้งนี้ ยังไม่สามารถเปิดเผยได้

          ด้าน พลตำรวจโท ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษก ตร. ระบุว่า สำหรับการตรวจสอบด้านสัญชาติในหนังสือเดินทางกับทางสถานทูตประเทศตุรกีก็กำลังดำเนินการประสานอยู่ ซึ่งก็ติดปัญหาตรงที่ไม่สามารถที่จะส่งหนังสือเดินทางฉบับจริงไปยังประเทศต้นทางได้ ขณะเดียวกันก็ได้ประสานไปยังกระทรวงการต่างประเทศทำการถอดถอนหนังสือเดินทางของ น.ส.วรรณา สวนสัน แล้ว

          ล่าสุด ความคืบหน้าในวันที่ 30 กันยายน นายชูชาติ กันภัย ทนายความเปิดเผยหลังเข้าพบ นายบิลาล (อาเดม) ที่เรือนจำชั่วคราวกองพันทหารราบ มณฑลทหารบกที่ 11 โดยจากการพูดคุย นายบิลาล (อาเดม) ยอมรับว่าเป็นชาวอุยกูร์ ไม่ใช่คนสัญชาติตุรกีอย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ รับเป็นชายเสื้อเหลืองจริงโดยทำตามคำสั่งของ นายอับดุลเลาะห์ อับดุลเลาะห์มาน หนึ่งในผู้ต้องหาตามหมายจับ ซึ่งเป็นนายหน้าพาตนเข้ามาในประเทศไทย พร้อมปฏิเสธไม่รู้จักผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับรายอื่น

          ทั้งนี้ แนวทางการสู้คดี นายบิลาลต้องการล่ามที่สื่อสารภาษาอุยกูร์เท่านั้น เนื่องจากไม่สามารถสื่อสารในภาษาอังกฤษ หรือภาษาตุรกีได้คล่อง

เรื่องน่าสนใจอื่นๆ
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เจาะ 10 ประเด็น ตำรวจสรุปคดีระเบิดราชประสงค์-ท่าเรือสาทร อัปเดตล่าสุด 2 ตุลาคม 2558 เวลา 11:50:58 12,191 อ่าน
TOP
x close