
สรุป 10 ประเด็น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) แถลงสรุปคดีระเบิดราชประสงค์-ท่าเรือสาทร ซึ่งเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 20 กว่าราย ยันหลักฐานชัด "อาเดม คาราดัก" หรือ "บิลาล มูฮัมมัด" เป็นชายเสื้อเหลือง แรงจูงใจเพราะผลจากการที่ขบวนการค้ามนุษย์อุยกูร์โดนปราบหนัก นอกจากนั้น ยังพบว่า "นายอ๊อด พยุงวงศ์" ซึ่งเป็นผู้ต้องหาคดีบึ้มมีนบุรี (ปี 2557) และระเบิดสมานเมตตาแมนชั่น (ปี 2553) มีเอี่ยวด้วย ทำให้ไม่ตัดประเด็นการเมืองทิ้ง
เป็นระยะเวลาเกือบ 2 เดือนแล้ว ที่สังคมไทยและต่างชาติต่างจับตามองการทำงานของ "สำนักงานตำรวจแห่งชาติ" (สตช.) ในการคลี่คลายคดีระเบิดราชประสงค์และท่าเรือสาทร ที่ได้ขยายผลติดตามคดีจนนำไปสู่การออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการรายหลาย และจับกุม 2 ผู้ต้องหาคนสำคัญรวมถึง นายอาเดม คาราดัก ซึ่งต่อมาทราบชื่อแท้จริงว่า นายบิลาล มูฮัมมัด ชายเสื้อเหลืองผู้วางระเบิดราชประสงค์
ล่าสุดเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2558 พลตำรวจตรี ชยพล ฉัตรชัยเดช ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 จึงออกมาแถลงสรุปลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด เพื่อให้ประชาชนได้มองเห็นรูปคดีอย่างชัดเจน มีรายละเอียดสำคัญ สรุปได้ดังนี้
1. เหตุระเบิดเกี่ยวพัน 4 สถานที่
เกิดระเบิดขึ้นช่วงหัวค่ำวันที่ 17 สิงหาคม 58 เป็นผลให้มีผู้เสียชีวิตทั้งชาวไทยและต่างชาติรวมกว่า 20 คน บาดเจ็บกว่า 100 คน เจ้าหน้าที่พบวัตถุพยานในที่เกิดเหตุ ประกอบด้วย ชิ้นส่วนเป้ ชิ้นส่วนลูกเหล็กกลม และชิ้นส่วนของท่อเหล็ก จากการสอบปากคำพยานบุคคลกว่า 200 ปาก และตรวจสอบกล้องวงจรปิด สามารถยืนยันได้ว่าผู้ก่อเหตุเป็นชายสวมเสื้อสีเหลือง

ภาพเหตุการณ์ระเบิดบริเวณหน้าศาลพระพรหม แยกราชประสงค์
ภาพจาก PORNCHAI KITTIWONGSAKUL / AFP

ภาพเหตุการณ์ระเบิดบริเวณหน้าศาลพระพรหม แยกราชประสงค์
ภาพจาก PORNCHAI KITTIWONGSAKUL / AFP
ภาพจาก PORNCHAI KITTIWONGSAKUL / AFP
เกิดระเบิดขึ้นช่วงบ่ายวันที่ 18 สิงหาคม เจ้าหน้าที่พบวัตถุพยาน ประกอบด้วย ลูกเหล็กกลม ท่อแป๊บ และยังสามารถเก็บฝักแคระเบิดได้ในที่เกิดเหตุ โดยจากการสอบสวนพยานบุคคลกว่า 30 ปาก และตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบคนร้ายเป็นชายสวมเสื้อสีฟ้า

ภาพเหตุการณ์ระเบิดท่าเรือสาทร

ภาพเหตุการณ์ระเบิดท่าเรือสาทร
ภาพเหตุการณ์ระเบิดท่าเรือสาทร
ตำรวจร่วมกับทหารติดตามคดีระเบิดโดยใช้เครื่องมือต่าง ๆ รวมถึงอุปกรณ์พิเศษ ทำให้ทราบเบาะแสคนร้ายซึ่งหลบมาอาศัยอยู่ที่ พูลอนันต์ อพาร์ทเม้นท์ และนำกำลังเข้าล้อมจับเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม โดยจากการตรวจค้นห้องพักหมายเลข 412 และ 414 พบผู้ต้องหารายที่ 1 คือ นายบิลาล มูฮัมมัด ซึ่งในครั้งแรกอ้างว่าชื่อ นายอาเดม คาราดัก แต่สารภาพชื่อจริงในภายหลัง
จากการตรวจค้นพบของกลางจำนวนมาก ทั้งอุปกรณ์ที่ใช้ในการประกอบระเบิด ฝักแคระเบิด ท่อแป๊บน้ำ ลูกเหล็กกลมที่บรรจุไว้ในถุงพลาสติก สารเคมีทีเอทีพี ซึ่งเป็นสารที่ใช้ในการประกอบระเบิด รวมถึงเสื้อผ้าที่สวมใส่
ในวันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ได้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่าที่ อพาร์ทเม้นท์ ไมมูณา การ์เด้นโฮม ยังมีกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดมาอาศัยอยู่ในห้อง 9106 จึงปิดล้อมตรวจค้นพบหลักฐานเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ประกอบระเบิด ที่สำคัญคือพบดินเทาซึ่งถือเป็นยุทธภัณฑ์ เจ้าหน้าที่จึงได้ยึดของกลางทั้งหมด และจับกุมนายบิลาล (อาเดม) มาดำเนินคดี
2. สอบสวนพบทำเป็นขบวนการ
จากการสอบสวนพยานที่เกี่ยวข้องกับพูลอนันต์ อพาร์ทเม้นท์ ทำให้ทราบว่า นอกจากนายบิลาลแล้วยังมีกลุ่มคนร้ายที่เกี่ยวข้องร่วมกระทำความผิด เป็นผู้เริ่มเข้ามาพักอาศัยในห้อง 412 และ 414 ประกอบด้วย นายอาห์เม็ท โบซองแลน, นายอาลิ โจลัน, ชายชาวตุรกีไม่ทราบชื่อ และนายอับดุลเลาะห์ อับดุลเลาะห์มาน
ต่อมาทราบว่ามีคนร้ายอีกคนหนึ่งยังหลบหนีอยู่ในประเทศ โดยสามารถติดตามจับกุมตัวได้ที่ จ.สระแก้ว คือ นายเมียไรลี ยูซูฟู ซึ่งจากหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ พบรอยลายนิ้วมือแฝงของผู้ต้องหาทั้ง 2 คนปรากฏอยู่บนอุปกรณ์ที่ใช้ทำระเบิด
จากการตรวจสอบในห้องยังพบ "ถุงกระเทียมตัดจุก" อยู่ในตู้เย็น ซึ่งเมื่อตรวจสอบบาร์โค้ดที่ถุงพบว่า คนร้ายอีกคนหนึ่งเป็นคนซื้อและมาอาศัยอยู่ด้วย โดยตำรวจได้ภาพคนร้ายรายนี้จากห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังพบใบเสร็จซื้อวัสดุอุปกรณ์ที่นำมาใช้ประกอบเป็นวัตถุระเบิด คือท่อแป๊บน้ำที่พูลอนันต์ อพาร์ทเม้นท์ จึงเข้าตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบชายใส่แว่นเป็นผู้ซื้อ และได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับในคดีของพูลอนันต์ อพาร์ทเม้นท์ ในข้อหามีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครอง
สำหรับในส่วนของการสอบสวนพยานที่เกี่ยวข้องในไมมูณา การ์เด้นโฮม พบผู้ต้องหาเพิ่มเติม ประกอบด้วยผู้ต้องหาที่เข้ามาติดต่อเช่าห้องพักคือ น.ส.วรรณา สวนสัน หรือไมซาเราะห์ ชาวไทย และสามีคือ นายเอ็มระห์ ดาวูโตกลู ทั้งคู่มาเปิดห้องพัก 9016 ให้คนร้ายเข้าพัก มีกลุ่มคนร้ายเข้าไปพักอาศัย ประกอบไปด้วย นายยูซูฟู อีกทั้งมีพยานบุคคลและภาพวงจรปิดยืนยันว่านายยูซูฟูและนายบิลาลได้เข้า-ออกในห้อง 9106 เช่นเดียวกัน
ยิ่งไปกว่านั้นข้อมูลของผู้สนับสนุนอีกส่วนหนึ่ง มีพยานหลักฐานยืนยันว่า โทรศัพท์ที่คนร้ายใช้ในคดีนี้ทั้งหมด มีผู้ทำหน้าที่จดทะเบียนซื้อซิมการ์ดคือ นายอาลิ นู และนายมูฮัมเหม็ด อิสเมล
3. ยูซูฟู ซัดทอดโยง อิซาน-ไอ้อ๊อด
หลังจากได้นำตัวผู้ต้องหารายที่ 2 คือ นายเมียไรลี ยูซูฟู มาสอบสวน ผู้ต้องหาได้ซัดทอดไปยังคนร้ายอีกราย ชื่อ นายอับดุล ดาวับ ซึ่งเป็นผู้ที่ทำวีซ่าและจัดหาที่พักให้ ทั้งยังเป็นผู้ว่าจ้างให้ขับรถรับ "ชายเสื้อสีฟ้า" จากหน้ารามคำแหงไปส่งที่หน้าแม็คโคร ก่อนจะหลบหนีออกไปทางภาคใต้
ยูซูฟูยังให้การว่า ผู้ที่ติดต่อนายบิลาล ช่วยเหลือ จัดหาวัตุระเบิด เครื่องมือเครื่องใช้ คือนายอาบูดูซาตาร์ อบูดูเระห์มาน หรือ "อิซาน" และยังมีบุคคลสำคัญอีกคนหนึ่งซึ่งเป็นคนไทยคือ นายอ๊อด พยุงวงศ์ หรือ นายยงยุทธ พบแก้ว
ล่าสุด เจ้าหน้าที่ได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้องในคดีนี้ในส่วนของไมณูณา การ์เด้นโฮม เรื่องของการมียุทธภัณฑ์ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตโดยมีดินเทา ส่วนที่พูลอนันต์ อพาร์ทเม้นท์นั้น มีฝักแคระเบิด มีอุปกรณ์ประกอบระเบิดไว้ในครอบครอง
4. เปิดขบวนการบึ้ม ใครทำหน้าที่อะไร

จากการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด พนักงานสอบสวนยืนยันระบุว่า กลุ่มผู้กระทำผิดชุดที่เข้ามาดำเนินการปฏิบัติการ ประกอบด้วย นายอิซาน, นายอับดุลเลาะห์มาน, นายซูแบร์ หรือชายเสื้อฟ้า , นายเมียไรลี ยูซูฟู และนายบิลาล มูฮัมมัด (อาเดม)
ส่วนบุคคลอื่น ๆ เป็นผู้สนับสนุน ผู้ร่วมในการกระทำความผิด จากนั้นพนักงานจึงรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดออกหมายจับ เนื่องจากคดีวัตถุระเบิดนั้นอยู่ในอำนาจศาลทหารตามคำสั่ง คสช.
5. ศาลทหารอนุมัติ 17 หมายจับ

โดยออกหมายจับในข้อหา ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันทำระเบิดจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสและทรัพย์สินได้รับความเสียหาย, ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ แล้วร่วมกันมีวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันพกพาอาวุธระเบิดไปในเมืองหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร และร่วมกันมียุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
6. หลักฐานมัดเสื้อเหลือง รับสารภาพ

นายบิลาล หรือ อาเดม รับเป็นคนเสื้อเหลือง
สำหรับพยานหลักฐานที่ยืนยันได้ว่า นายบิลาล (อาเดม) เป็นคนเดียวกับชายเสื้อเหลือง สามารถพิสูจน์ได้จากหลักฐานการสอบพยานบุคคล การตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ และการตรวจสอบเทคนิคพิเศษตรวจอุปกรณ์พิเศษ จนกระทั่งผู้ต้องหาจำนนต่อหลักฐาน ไม่สามารถปฏิเสธว่าไม่ใช่บุคคลดังกล่าวได้ จึงได้รับสารภาพและนำชี้สถานที่เกิดเหตุได้อย่างถูกต้องชัดเจน

นำตัว นายบิลาล ทำแผนประกอบคำรับสารภาพ
ส่วนนายเมียไรลี ยูซูฟู ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพชัดเจน และชี้สถานที่ได้อย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตาม นายซูแบร์ ชายเสื้อฟ้า ได้ทำการหลบหนีออกนอกประเทศไปเรียบร้อยแล้ว
7. สองผู้ต้องหาชาวไทยยังหลบหนี
ในขณะที่ตำรวจสามารถจับคนร้ายได้ 2 ราย จาก 17 รายตามหมายจับ พบว่ายังมีกลุ่มคนไทยที่มีส่วนเกี่ยวข้องยังคงหลบหนีอยู่อีก 2 ราย ประกอบด้วย น.ส.วรรณา สวนสัน หรือ ไมซาเราะห์ และ นายอ๊อด พยุงวงศ์ หรือ นายยงยุทธ พบแก้ว
8. พบ ไอ้อ๊อด โยงคดีบึ้มการเมือง

นายอ๊อด พยุงวงศ์ สมัยถูกจับกุม
จากการตรวจสอบประวัติย้อนหลังพบว่า นายอ๊อด พยุงวงศ์ มีประวัติการต้องโทษคดีอาญาหลายคดี โดยถูกออกหมายจับและเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์วางระเบิดในพื้นที่ย่านมีนบุรีในปี 2557 และเหตุระเบิดครั้งใหญ่ที่สมานเมตตาแมนชั่น เมื่อปี 2553 ซึ่งระเบิดทั้งสองแห่งมีความเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทางการเมือง
อย่างไรก็ตาม นายอ๊อดถือเป็นบุคคลลึกลับที่ไม่สามารถยืนยันได้ว่ามีภูมิลำเนาที่ใด เพราะถูกจับมา 9 ครั้ง ไม่มีเลข 13 หลักและไม่มีบัตรประชาชน
สำหรับเหตุการณ์วางระเบิดย่านมีนบุรี เกิดขึ้นเมื่อช่วงปลายเดือนมีนาคม 2557 เมื่อพบชาย 2 คนขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านเช่าในซอยราษฎร์อุทิศ ย่านมีนบุรี โดยพกพาระเบิดแสวงเครื่องชนิดไปป์บอมบ์ไปด้วย แต่ระหว่างทางเกิดระเบิดขึ้นจนทั้งคู่เสียชีวิตคาที่ ต่อมาเมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบบ้านเช่าของทั้งคู่ พบมีระเบิดไปป์บอมบ์ซุกซ่อนอยู่อีก 5 ลูก โดยทำขึ้นจากท่อเหล็กและใช้ดินปืนดำเป็นส่วนประกอบ

ภาพล่าสุดของนายอ๊อด
จากการสอบสวน พบว่าคดีระเบิดที่มีนบุรี มีความเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดที่สมานเมตตาแมนชั่น ย่านบางบัวทอง จ.นนทบุรี เมื่อเดือนตุลาคมปี 2553 โดยพบว่าคนที่เช่าบ้านที่มีนบุรี ได้ใช้บัตรอาสาตำรวจบ้าน จ.ราชบุรี อ้างชื่อว่าเป็น นายอ่าว อิสระส์ แต่จากการตรวจสอบพบว่าเป็นการใช้ชื่อปลอม
เมื่อตรวจสอบเชิงลึก ตำรวจพบว่าภาพถ่ายในบัตรดังกล่าว เมื่อนำไปเปรียบเทียบคดีค้างเก่าเป็นภาพของ นายกษิ ดิฐธนรัชต์ ชาว จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นผู้ต้องหาในคดีระเบิดที่สมานเมตตาแมนชั่น ซึ่งจากหลักฐานในทั้ง 2 คดี พบว่าอาจมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองเสื้อสีหนึ่ง โดยเฉพาะบรรดา "อดีตการ์ดฮาร์ดคอร์" และอาจมีนักการเมืองหนุนอยู่ข้างหลัง คาดว่าจะมีการก่อเหตุสร้างสถานการณ์ทางการเมืองให้รุนแรงขึ้น
9. ต้นเหตุวางบึ้มยังไม่ตัดประเด็นการเมือง

สำหรับมูลเหตุของคดีระเบิดกลางกรุงครั้งนี้ พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. ชี้ว่ามาจากการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐทำลายขบวนการและเครือข่ายการค้ามนุษย์อุยกูร์
อย่างไรก็ตาม จากการสืบสวนเชื่อมั่นว่ามีกลุ่มบุคคลอยู่เบื้องหลังในการจ้างวาน โดยบุคคลหลายกลุ่มมีวัตถุประสงค์และความต้องการเดียวกัน แต่ก็ยังไม่สามารถตัดประเด็นที่อาจจะมาจากการเมืองได้ เนื่องเจ้าหน้าที่พบว่า นายอ๊อด พยุงวงศ์ ชายไทยที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการระเบิด ได้เคยถูกออกหมายจับและเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์วางระเบิดที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทางการเมืองมาก่อน
10. แนวทางการสืบสวนหลังจากนี้
พลตำรวจเอก จักรทิพย์ ชัยจินดา ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีระเบิดราชประสงค์ กล่าวว่า ในขณะนี้กำลังติดตามตัวนายอ๊อด และผู้ต้องหาที่กำลังหลบหนีอยู่ รวมถึงนายซูแบร์ ผู้ที่เป็นชายเสื้อฟ้า ซึ่งพบว่าหากหลบหนีไปยังประเทศใดก็จะต้องประสานไปยังประเทศนั้น ยืนยันว่าการสืบสวนสอบสวนในขณะนี้เดินมาถูกทางแล้ว ส่วนจำนวนเงินค่าจ้างในการก่อเหตุครั้งนี้ ยังไม่สามารถเปิดเผยได้
ด้าน พลตำรวจโท ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษก ตร. ระบุว่า สำหรับการตรวจสอบด้านสัญชาติในหนังสือเดินทางกับทางสถานทูตประเทศตุรกีก็กำลังดำเนินการประสานอยู่ ซึ่งก็ติดปัญหาตรงที่ไม่สามารถที่จะส่งหนังสือเดินทางฉบับจริงไปยังประเทศต้นทางได้ ขณะเดียวกันก็ได้ประสานไปยังกระทรวงการต่างประเทศทำการถอดถอนหนังสือเดินทางของ น.ส.วรรณา สวนสัน แล้ว
ล่าสุด ความคืบหน้าในวันที่ 30 กันยายน นายชูชาติ กันภัย ทนายความเปิดเผยหลังเข้าพบ นายบิลาล (อาเดม) ที่เรือนจำชั่วคราวกองพันทหารราบ มณฑลทหารบกที่ 11 โดยจากการพูดคุย นายบิลาล (อาเดม) ยอมรับว่าเป็นชาวอุยกูร์ ไม่ใช่คนสัญชาติตุรกีอย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ รับเป็นชายเสื้อเหลืองจริงโดยทำตามคำสั่งของ นายอับดุลเลาะห์ อับดุลเลาะห์มาน หนึ่งในผู้ต้องหาตามหมายจับ ซึ่งเป็นนายหน้าพาตนเข้ามาในประเทศไทย พร้อมปฏิเสธไม่รู้จักผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับรายอื่น
ทั้งนี้ แนวทางการสู้คดี นายบิลาลต้องการล่ามที่สื่อสารภาษาอุยกูร์เท่านั้น เนื่องจากไม่สามารถสื่อสารในภาษาอังกฤษ หรือภาษาตุรกีได้คล่อง






