จตุพร พรหมพันธุ์ หนุน นายกฯ เปิดใจกว้างนิรโทษกรรมประชาชน เหมือนทำให้ คสช. เชื่อปรองดองจึงจะเกิดได้ ยันไม่มี นปช. เข้าร่วม สปท. ชี้ละอายใจพอ ไม่กล้าร่วมกับคณะยึดอำนาจ
วานนี้ (8 ตุลาคม 2558) นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า การนิรโทษกรรมเพื่อสร้างความปรองดองให้เกิดความสามัคคีของคนในชาติ จะดำเนินการโดยใช้กฎหมายมาเป็นเกณฑ์แบ่งออกเป็น 3 ระยะว่า ตนคิดว่านายกรัฐมนตรีต้องเป็นผู้ดำเนินการด้วยตัวเอง และควรเปิดใจให้กว้าง มีเมตตาให้คนในชาติจึงจะประสบความสำเร็จ
อย่างไรก็ตามตนยืนยันในหลักการสำคัญว่า ต้องนิรโทษกรรมเพื่อปลดปล่อยประชาชน สำหรับแกนนำทุกฝ่ายให้ต่อสู้ไปตามกระบวนการยุติธรรม ส่วนการปรองดองนิรโทษกรรมทั้ง 3 ระยะของนายกรัฐมนตรีนั้น ระยะแรกเริ่มที่ไม่ได้เป็นเป้าหมายใน 3 ระยะ คือ การนิรโทษกรรมให้ คสช. แต่ต้น ถ้าไม่ทำก็มีความผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 113 มีโทษประหารชีวิต ในสิ่งนี้นายกรัฐมนตรีไม่ได้พูดถึง
ส่วนที่ นายกฯ มีความคิดกำหนดเป้าหมาย 3 ระยะ ตนยังยืนยันถ้าทำเฉพาะประชาชนก็ควรต้องทำ แต่คนทำหน้าที่ปรองดองได้คือท่านคนเดียว เพราะมีอำนาจรัฏฐาธิปัตย์อยู่ ช่วงที่ผ่านมาสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ไม่สามารถเดินเรื่องปรองดองได้เพราะไร้การสนับสนุน ดังนั้นเมื่อมีแนวคิดจะทำก็ควรจะนิรโทษกรรมให้ประชาชนเหมือนที่นิรโทษกรรมให้ คสช. ส่วนการจะปรองดองได้หรือไม่นั้น อยู่ที่คุณสมบัติของนายกรัฐมนตรีเป็นหลัก คือต้องใจกว้าง และไม่มีคุณสมบัติที่ถือตัวตนว่า ดีกว่าคนอื่น ทั้งนี้หากพิจารณาในอดีตการต่อสู้กับคอมมิวนิสต์ตายกันมากมาย เมื่อ พล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นผู้นำทหาร มี พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี การสร้างความปรองดองจึงสำเร็จ เพราะทุกฝ่ายล้วนเปิดใจกว้าง มีเมตตา
สำหรับกรณีที่มีการระบุว่า สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) บางคนเป็นสายแดงนั้น พวกตนยังมีจุดยืนตามประกาศไว้ทุกประการว่า นปช. คนเสื้อแดง ไม่มีตัวแทนสักคนใน สปท. บางคนเขาอาจมาอยู่แต่วันนี้ไปแล้วไปลับ ซึ่งจุดยืนของ นายสุชน ชาลีเครือ และนายสมพงษ์ สระกวี ได้ประกาศแยกทางกับ เพื่อไทย และ นปช. อย่างชัดเจน เพราะชื่อของ นปช. คือ ฝ่ายประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ จึงไปร่วมงานกับคณะยึดอำนาจไม่ได้ ซึ่งพวกตนมีความละอายใจพอ
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
