จากการที่กระทรวงวัฒนธรรมสั่งห้ามฉายภาพยนตร์เรื่อง อาบัติ จนถึงการที่กระแสผู้คนในสังคมไทยตั้งคำถามถึงวัตรปฏิบัติของพระสงฆ์ในยุคปัจจุบันที่ดังขึ้นเรื่อย ๆ ล่าสุด เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2558 พระมหาอภิชาติ ปุณฺณจนฺโท วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม โพสต์เฟซบุ๊กตั้งชื่อเรื่องว่า "ทำไมทุกวันนี้ เห็นแต่ข่าวพระทำแต่เรื่องเลว ๆ ออกทีวีได้ทุกวี่วัน ?" ทั้งนี้ทางเว็บกระปุกดอทคอม ได้ติดต่อขออนุญาตจากท่านพระมหาอภิชาติ นำรายละเอียดทั้งหมดมาลง เพื่อนำเสนอมุมมองจากพระดีที่มีต่อกรณีดังกล่าว มีเนื้อหาดังนี้
ทำไมทุกวันนี้ เห็นแต่ข่าวพระทำแต่เรื่องเลว ๆ ออกทีวีได้ทุกวี่วัน ?
นี่คือคำถามของชาวพุทธในประเทศไทยที่มีต่อคณะสงฆ์โดยรวม เพราะพวกเขาเหล่านั้นได้เสพข่าวจากสื่อต่างๆ ทั้งทีวี วิทยุ และอินเตอร์เน็ต เมื่อได้เห็นได้ยินได้ฟังข่าวที่เกี่ยวกับพระเณรทำผิดพระวินัยต่าง ๆ ถูกจับสึกเอามาประจานผ่านสื่อเหล่านี้
แต่ทำไมชาวพุทธเหล่านั้นไม่ตั้งคำถามบ้างว่า แล้วพระที่ถูกจับสึกเหล่านั้นเป็นใครมาจากไหนก่อนที่จะมาโกนหัวห่มจีวรขอบวชในพระพุทธศาสนาแล้วทำความเสื่อมเสียให้กับคณะสงฆ์โดยรวม
ก่อนที่พระเหล่านั้นจะบวชและสร้างความเสื่อมเสียให้พระศาสนา พวกเขาเหล่านั้นก็เป็นคนธรรมดาทั่วไปมิใช่หรือ พวกเขาเป็นญาติ เป็นพี่ เป็นน้อง เป็นหลาน เป็นลุง เป็นอาว์และเป็นเพื่อนของพวกท่านมิใช่หรือ ก็พวกท่านมิใช่หรือที่ส่งคนเหล่านี้ให้มาบวชในพระพุทธศาสนาแล้วมาสร้างความเสียหายให้พระศาสนาจนต้องถูกจับสึกจนเป็นข่าวประจานตามสื่อต่างๆ
อีกประการ คนไทยเรามักมีความเชื่อว่า อะไรที่ไม่ดีให้ส่งไปอยู่ในวัดเผื่อว่าจะได้ดีขึ้น ตัวอย่างเช่น คนขี้ยา ขี้เมา ขี้เกียจ ขี้คุก ฯลฯ เมื่อในวัดเต็มไปด้วยคนเหล่านี้ซึ่งแต่งตัวเป็นภิกษุนุ่งห่มจีวรอยู่ ทุกท่านคิดเหรอว่าพวกเขาเหล่านั้นจะกลับตัวกลับใจเป็นคนดีตามที่พวกท่านมุ่งหวังได้ทั้งหมด บางคนก็สามารถเอาธรรมมาขัดเกลาเปลี่ยนชีวิตได้ แต่บางคนกลับยังเอานิสัยของฆราวาสมาใช้ ตอนอยู่บ้านเสพยา กินเหล้า พอมาบวชก็ยังแอบเสพยา กินเหล้าอยู่เช่นเดิม คนพวกนี้แหละคือต้นเหตุของปัญหาและความเสื่อมศรัทธาของพุทธศาสนิกชนต่อคณะสงฆ์โดยรวม ทำให้คณะสงฆ์โดยรวมต้องมัวหมองไปด้วย
แล้วทีนี้จะให้โทษใครดี ที่ทำให้วงการพระสงฆ์โดยรวมต้องมัวหมองถูกประชาชนดูถูกดูแคลนด่าว่าต่าง ๆ นานาไม่เว้นแต่ละวัน ทุกวันนี้ที่มีพระทำตัวเลว ๆ อาศัยอยู่ในพระศาสนานั้น สาเหตุก็เพราะคนที่อ้างว่านับถือศาสนาพุทธไม่ใช่หรือเป็นคนส่งพวกเขาเข้ามา แล้วพวกคุณจะมาเรียกร้องหาพระดี ๆ จากที่ไหน ก็เล่นส่งแต่คนเลว ๆ ให้มาบวชทั้งนั้น ทำไมพวกคุณซึ่งเป็นคนดีมีศีลธรรมไม่โกนหัวเข้ามาบวชกันเอง พระศาสนาจะได้มีแต่พระเก่ง ๆ พระดี ๆ พระไม่ทำผิดศีลธรรม พระศาสนาก็จะเจริญรุ่งเรือง ต่อไปก็จะไม่มีภาพพระทำชั่วออกทีวีอีกต่อไป
พวกคุณอย่าเก่งกันแต่ปากสิ พระศาสนารอต้อนรับคนเก่ง ๆ อย่างพวกคุณอยู่ทุกวัน คณะสงฆ์ก็พร้อมจะบวชพระให้พวกคุณได้ทันที จะบวชที่วัดไหนก็ได้ในประเทศนี้ ลูก เมีย บ้าน ที่ดิน อาหารดี ๆ พวกคุณสละได้มั้ย มาจับบาตรเดินขอทานหาข้าวกินพวกคุณทำได้มั้ย บวชแล้วก็ไม่ใช่บวชแค่ ๗ วัน ๑๕ วันนะ ขั้นต่ำ ๕ ปี ต้องเรียนนักธรรมและบาลีพร้อมทั้งพระไตรปิฎกควบเข้าด้วย คนที่ปากเก่ง ๆ อย่างพวกคุณทำได้หรือเปล่า หรือว่าแต่ละคนนี่เก่งกันแต่ปาก แต่จริงแล้วขี้ขลาดตาขาวกลัวลำบากกันทั้งนั้น บางคนมาดูถูกว่าพระเณรกินแล้วนอนไม่่ทำอะไร ชีวิตสบายเหลือเกิน ถ้ามันสบายจริงดั่งว่าทำไมไม่ลองมาบวชดูสัก ๕-๖ ปีละ ประชากรในเมืองไทย ๗๐ ล้านคน แต่ทำไมมีคนบวชแค่ ๓ แสนเองละ ถ้าสบายดั่งว่าน่าจะบวชเป็นล้านคน
ไหนมีคนเก่งคนดีมีศีลธรรมคนไหนสนใจบวชบ้าง ช่วยส่งเสียงมาหน่อยสิ
การส่งคนที่มีนิสัยเลว ๆ เข้ามาบวชในพระศาสนานี้ ต้องขอบใจหนังเรื่องอาบัติ ที่สะท้อนเรื่องนี้ได้ตรงและชัดเจนมาก หนังได้สะท้อนให้เห็นถึงความจริงของสังคมไทยยุคนี้ว่า ลูกเลว ๆ หลานเลว ๆ ต้องเอาไปปล่อยวัดเท่านั้น
พอลูกหลานเลว ๆของพวกเขามาทำเรื่องเลวทรามระยำต่ำช้าภายในวัด บรรดาพี่น้องญาติ ๆ ก็พากับรุ่มประณามพระเณรทั้งวัดว่า วัดนี้มีแต่พระเณรเลว ๆ ทั้งที่จริงแล้วลูกหลานพวกมันนั่นแหละที่เข้ามาทำเรื่องเลวๆในวัดไว้แท้ ๆ
สังคมนี้ไม่ยุติธรรมสำหรับพระสงฆ์ดี ๆ เลย พอคนในสังคมเห็นว่าพระทำเรื่องเลว ๆ หนึ่งรูป ก็จะดูถูกดูแคลนเหมารวมพระสงฆ์ไปเสียหมด ทำให้พระสงฆ์ดี ๆ ต้องถูกตั้งข้อสงสัยแล้วว่าพระรูปนี้จริงหรือปลอม พระดีหรือพระชั่ว ทำบุญกับพระรูปนี้แล้วจะได้บุญหรือไม่
ฉะนั้น ถ้ากฎหมายบ้านเมืองยังไม่มีความรัดกุมเรื่องพระศาสนา อนาคตพระภิกษุสามเณรในพระพุทธศาสนาลำบากแน่
โปรดบัญญัติให้พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติไว้ในรัฐธรรมนูญเถอะ แล้วค่อยออกกฎหมายลูกมาจัดการกับปัญหาพวกนี้
ทั้งนี้ ข่าวชิ้นก่อนหน้าในประเด็นนี้ที่ทางเว็บกระปุกนำเสนอ มีเนื้อหาไม่ครบถ้วน เนื่องจากได้ตัดทอนรีไรท์ข้อเขียนของพระมหาอภิชาติ กระทั่งอาจทำให้พระมหาอภิชาติเสียหายได้ จึงต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ และขอให้ผู้อ่านช่วยกันแชร์ข่าวชิ้นใหม่ที่มีข้อมูลถูกต้องด้วย
