ประวัติหมอหยอง สุริยัน สุจริตพลวงศ์ โหรชื่อดัง กับจุดสูงสุดในชีวิต ก่อนชะตาพาตกต่ำ จนสุดท้ายไม่เหลือแม้แต่ลมหายใจ
ขึ้นสู่จุดสูงสุดแล้วลงมาต่ำเตี้ยเรี่ยดิน คงไม่ผิดนักหากจะใช้วลีนี้กับ หมอหยอง หรือนายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หมอดูชื่อดังเมื่อราว 10-20 ปี ซึ่งจะเห็นปรากฏกายตามสื่อต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการทำหน้าที่เป็นพิธีกรในรายการชื่อดังมากมาย อาทิ รายการคลินิกรัก รวมถึงการเปิดดูดวงผ่านทางโทรศัพท์ซึ่งเป็นที่นิยมในสมัยก่อน ก่อนจะผันตัวออกจากหน้าสื่อ หันไปจับงานด้านสังคม จนได้รับตำแหน่งเป็นกรรมการด้านสังคมสำคัญ ๆ ในหลายหน่วยงานของรัฐ
แต่แล้วโชคชะตากลับเล่นตลกกับหมอหยอง หมอดูชื่อดังเสียเอง โดยเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2558 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนนำโดย พล.ต.ท. ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้ช่วย ผบ.ตร. สอบคดีมาตรา 112 ตามประมวลกฎหมายอาญา ฐานแอบอ้างเบื้องสูงเพื่อเรียกรับผลประโยชน์ ซึ่งหนึ่งในกลุ่มผู้ต้องหามีรายชื่อของหมอดูคนดังอยู่ด้วย ซึ่งต่อมา หมอหยอง ก็รับสารภาพว่า ได้กระทำผิดตามข้อกล่าวหาจริง และได้มีการซัดทอดขบวนการดึงสถาบันมาแอบอ้างประโยชน์จำนวนมาก ซึ่งในนั้นมีระดับบิ๊กทั้งนายทหารและตำรวจ อย่างไรก็ตามระหว่างถูกคุมขังอยู่ที่กรมทหารราบที่ 11 ไม่มีใครพบเห็นหน้าหมอหยองอีกเลย ครั้งสุดท้ายที่ได้เห็น หมอหยอง ก็คือถูกทหารนำตัวมาฝากขังครั้งแรกที่กรมพระธรรมนูญ ศาลทหาร
จนล่าสุดเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2558 ทางกรมราชทัณฑ์ ได้ออกมาแถลงข่าวถึงการเสียชีวิตของหมอหยอง ซึ่งเหตุเกิดในช่วงกลางดึกของวันที่ 7 พฤศจิกายน 2558 โดยสันนิษฐานว่าสาเหตุน่าจะมาจาก "ระบบหายใจไหลเวียนโลหิตล้มเหลวจากการติดเชื้อในกระแสโลหิต" ซึ่งนับว่า หมอหยองเป็น ผู้ต้องหาคดีอาญา มาตรา 112 รายที่ 2 ที่เสียชีวิต ต่อจาก พ.ต.ต. ปรากรม วารุณประภา หรือสารวัตรเอี๊ยด ผู้ต้องหาในคดีเดียวกัน [อ่านข่าว : ญาติเผาศพหมอหยองแล้ว-เปิดภาพใบมรณบัตร]
โดยในวันนี้ ทางทีมงานกระปุกดอทคอม จะพาไปเปิดชีวิตของ หมอหยอง จากจุดเริ่มสู่ลมหายใจสุดท้ายในชีวิตโหรมหาเทพกัน

หมอหยอง มีชื่อจริงว่า นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ (เดิมนามสกุล "อริยวงศ์โสภณ" นามสกุล "สุจริตพลวงศ์" พระราชทานจาก สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร) เกิดเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2505 ที่ จ.ตรัง เป็นบุตรคนที่ 9 ของครอบครัวในจำนวนพี่น้องทั้งหมด 13 คน บิดาประกอบอาชีพค้าขาย ส่วนมารดาช่วยบิดาทำงาน ฐานะทางบ้านค่อนข้างยากจน หมอหยองจึงต้องกัดฟันดิ้นรนต่อสู้กับชีวิต ทั้งรับหนังสือพิมพ์ไปส่ง ขายลอตเตอรี่ โดยหมอหยองนั้นเป็นคนที่ปากหวานมาก คนจึงชอบที่จะซื้อของกับหมอหยอง

- มัธยมต้นจาก โรงเรียนวิเชียรมาตุ อ.เมือง จ.ตรัง
- มัธยมปลาย ที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา พญาไท กรุงเทพฯ
- ปริญญาตรี คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
- ปริญญาโท ที่มหาวิทยาลัยเซนต์มาติน ลอนดอน ด้านการออกแบบโฆษณาและงานประชาสัมพันธ์
- อาจารย์พิเศษ สอนวิชาโฆษณา และประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยหลายแห่ง
- อาจารย์พิเศษ สอนวิชาจิตวิทยา และการพัฒนาตนเอง ให้ประสบความสำเร็จ
- ผู้บริหารสถาบันพัฒนาการฝึกอบรมชีวิตและคุณภาพ โดยจัดทีมอบรมให้กับหน่วยงาน องค์กร ทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อพัฒนาบุคลากร
- กรรมการอำนวยการสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์
- รองเลขาธิการสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์
- กรรมการอำนวยการสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์
- สมาชิกกิตติมศักดิ์สมาคมแม่บ้านมหาดไทย พ.ศ. 2547
- กรรมการบริหารศูนย์ส่งเสริม และประสานงานครอบครัวอบอุ่นและเป็นสุข กระทรวงมหาดไทย
- กรรมการบริหารและรองประธานฝ่ายหารายได้ ของมูลนิธิช่วยเหลือคนปัญญาอ่อน ในพระบรมราชูปถัมภ์
- เลขาธิการสมาคมแม่ดีเด่นแห่งชาติ สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์
- กรรมการบริหารฝ่ายประชาสัมพันธ์ พุทธสมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์
- กรรมการก่อตั้งและกรรมการบริหาร มูลนิธิโรคทศวรรษกระดูกและข้อแห่งประเทศไทย
- รองประธานคณะกรรมการสงเคราะห์และพัฒนาเด็กและเยาวชน กรมพินิจคุ้มครองเด็กและเยาวชน กระทรวงยุติธรรม (2547-2549)
- ที่ปรึกษาอธิบดีกรมพินิจคุ้มครองเด็กและเยาวชน
หมอหยอง เคยเล่าผ่านนิตยสาร LUXE ว่า เมื่ออายุ 7 ขวบ ครั้งหนึ่งผมกำลังจะออกจากบ้านไปขายหนังสือพิมพ์ แต่แล้วแม่ก็ทักขณะกำลังจะออกจากบ้านว่า "หยองใส่หลวงปู่ทวดที่แม่ให้ไว้ด้วยนะ แม่เป็นห่วงเวลาขายของ" ผมรู้สึกไม่สบายใจมากเหมือนมีลางสังหรณ์ และใจมันห่อเหี่ยว พอผมรับหนังสือพิมพ์เสร็จปั๊บก็เหวี่ยงตัวเพื่อจะข้ามถนน แต่วิ่งออกไปนิดเดียวเท่านั้นรถก็ชนโครมจนร่างกระเด็นไปกระแทกกับเกาะกลางถนน เลือดแดงฉานเต็มตัว ต่อจากนั้นผมไม่มีความรู้สึกอะไรเลย ไม่เจ็บปวดเหมือนกับร่างตัวเองลอยขึ้นข้างบน ความรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังหลงทาง แต่แล้วก็เจอกับพระรูปหนึ่ง ผมก็ตะโกนเรียกว่า "หลวงพ่อ รอหยองด้วย" หลวงพ่อกลับหันมาบอกว่า "เจ้าสิ้นอายุขัยแล้ว จงเดินต่อไปข้างหน้าที่นั้นจะกำหนดชะตาของเจ้า"
พอเดินก้าวไประยะหนึ่งก็เดินไปพบกับพระพิฆเนศและผมได้ยินว่า "เจ้าสิ้นอายุขัยแล้ว แต่เจ้ายังเป็นผู้บริสุทธิ์ มีญาณที่สามารถจะเชื่อมต่อกับพลังของเราได้ เราจะใช้ร่างของเจ้าในการรับรู้อดีตและอนาคตให้กับผู้คน และในอีก 10 ปีจะมาอยู่ในตัวเจ้า" ผมเก็บความลับนี้ไว้จนถึงอายุ 17 ปีเพราะกลัวจะถูกเข้าสิง เพียงแต่ตอนนั้นรู้ว่าผมเป็นคนหัวไว พูดไม่หยุดเหมือนมีเสียงกระซิบให้ต้องพูด เหมือนมีอำนาจที่ไม่สามารถปฏิเสธได้
แต่สิ่งที่ทำให้หมอหยองดังเป็นพลุแตกในวงการทำนายโชคชะตา เมื่อครั้งหนึ่ง จตุพล ภูอภิรมย์ พระเอกชื่อดังในยุคนั้น ได้มาหาที่บ้าน ซึ่งหมอหยองได้ทำนายว่ารถที่เขาใช้จะทำให้เกิดอุบัติเหตุ ซึ่งต่อมาอีก 2 อาทิตย์ ข่าวหน้าหนึ่งปรากฏบนหนังสือพิมพ์เมื่อพระเอกชื่อดังอย่าง จตุพล ภูอภิรมย์ ตายเพราะอุบัติเหตุ จึงกลายเป็นกระแสที่ทำให้หมอหยองได้รับฉายา "หมอดูห้าดาว" จากนั้นด้วยวัยเพียง 17 ปี หมอหยองจึงรับงานทำนายดวงชะตาบุคคลสำคัญทั้งวงการเมือง นักแสดง และศิลปินดารา รวมกว่า 10 ปีที่สะสมชื่อเสียงในฐานะโหรขั้นเทพ หมอหยองตัดสินใจทิ้งวงการทำนายดวงชะตา หันกลับไปทำงานเพื่อสังคม
หมอหยองปรากฏตัวอีกครั้งตามสื่อต่าง ๆ เมื่อได้เข้าร่วมเป็นที่ปรึกษาในโครงการดัง ๆ ระดับชาติเป็นจำนวนมาก แต่ที่ยึดหัวข่าวหน้า 1 ได้ทุกฉบับคงหนีไม่พ้นกับการเข้าไปพัวพันกับคดีแอบอ้างเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ในข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ฯ และยังมีพฤติการณ์ในการแอบอ้างเบื้องสูงเพื่อระดมเงินในการขอสนับสนุนการดำเนินกิจกรรมสำคัญ โดยเฉพาะกับบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง ซีพีออลล์และคิงเพาเวอร์ รวมถึงพัวพันกับการจัดทำเสื้อในโครงการสำคัญ
ซึ่งหมอหยองรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา พร้อมซัดทอดว่า ยังมีผู้ร่วมขบวนการอีกกว่า 50 คน ที่มีเอี่ยวในการแอบอ้างเบื้องสูงครั้งนี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังเร่งสอบสวนเพื่อดำเนินคดีต่อไป อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2558 หมอหยองก็ต้องมาจบชีวิตลง ด้วยวัย 53 ปี ขณะถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร แขวงถนนนครไชยศรี โดยมีการสันนิษฐานว่า เกิดจาก "ระบบหายใจไหลเวียนโลหิตล้มเหลวจากการติดเชื้อในกระแสโลหิต" สิ้นชื่อหมอหยอง โหรชื่อดังของเมืองไทยไปตลอดกาล
ขอบคุณข้อมูลจาก
moryongsan.com








