x close

5 การทดลองวิทยาศาสตร์หลุดโลก ที่สยองขวัญสั่นประสาทสุด ๆ

5 การทดลองวิทยาศาสตร์หลุดโลก

           ถ้าพูดถึงวิทยาศาสตร์แล้ว หลายคนก็มักจะนึกถึงศาสตร์ที่ช่วยทำให้โลกของเราพัฒนาและก้าวหน้าไปเรื่อย ๆ ด้วยเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่บรรดานักวิทยาศาสตร์ประดิษฐ์คิดค้นขึ้นมา แต่ในแสงสว่างย่อมมีเงามืด ไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์ทุกคนที่จะนำความรู้ความสามารถไปใช้ในทางที่ถูกที่ควร

           และวันนี้กระปุกดอทคอม ขอนำเสนอเรื่องราวของนักวิทยาศาสตร์ 5 ราย ที่ปิ๊งไอเดียทดลองทางวิทยาศาสตร์ที่หลุดโลกสุด ๆ ชนิดที่ว่าหากใครได้อ่านเรื่องราวของพวกเขา ก็ต้องขนลุกและสยองไปตาม ๆ กันเลยทีเดียว

โยฮันน์ คอนราด ดิพเพล (Johann Conrad Dippel) : แฟรงเกนสไตน์ตัวจริง


           นักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องที่เกิดและเติบโตในปราสาทแฟรงเกนสไตน์ของประเทศเยอรมนีจริง ๆ ในปี 1673 ว่ากันว่าเขานี่แหละที่เป็นต้นแบบและแรงบันดาลใจของนิยายเรื่อง “แฟรงเกนสไตน์” ที่แต่งโดย มารี เชลลีย์

           หลังจากจบการศึกษาในวิชาเทววิทยา ปรัชญา และการเล่นแร่แปรธาตุ เขาสร้างน้ำมันสัตว์ขึ้นมาจากกระดูก เลือด และส่วนประกอบอื่น ๆ ของร่างกายสัตว์ ที่รู้จักกันในชื่อ น้ำมันของดิพเพล ซึ่งนายดิพเพลเชื่อว่า มันจะเป็นสารตัวสำคัญในการผลิตน้ำยาในฝันของนักเล่นแร่แปรธาตุทุกคน “น้ำอมฤต”

           เล่ากันว่า งานทดลองของเขามีตั้งแต่การนำชิ้นส่วนสัตว์มาต้มให้เดือดจนดูแล้วคล้ายสตูเนื้อคน นอกจากนี้ เขายังเคยพยายามย้ายวิญญาณจากศพหนึ่งไปยังอีกศพหนึ่งด้วย

วลาดิมีร์ เดมิคอฟ ( Vladimir Demikhov) : ศัลยแพทย์หมาสองหัว

5 การทดลองวิทยาศาสตร์หลุดโลก
ภาพจาก Epic Weird

           ย้อนกลับไปในปี 1954 วลาดิมีร์ เดมิคอฟ ศัลยแพทย์ชาวโซเวียต ได้อวดโฉมผลงานระดับมาสเตอรพีซของเขาสู่สายตาชาวโลก นั่นก็คือ “หมาสองหัว”

           หมาสองหัว คือผลงานการทดลองการปลูกถ่ายอวัยวะ ด้วยการนำลูกสุนัขที่มีอวัยวะตั้งแต่หัวลงไปจนถึงบริเวณอก มาต่อบนคอของสุนัขพันธุ์ใหญ่ เช่น สุนัขพันธุ์เยอรมันเชพเพิร์ดที่โตเต็มวัย พวกมันใช้ระบบต่าง ๆ ของอวัยวะภายในทั้งหมดร่วมกัน แน่นอนว่ารวมถึงระบบหัวใจด้วย

5 การทดลองวิทยาศาสตร์หลุดโลก

           มีการทดลองให้อาหารกับหมาทั้ง 2 หัว พบว่าสุนัขทั้ง 2 หัวสามารถกินอาหารได้เป็นปกติ รวมถึงลูกหมาหัวที่ 2 เองก็ยังสามารถดื่มนมจากชามได้ แม้ว่ามันจะไม่มีอวัยวะภายในแล้วก็ตาม

           แต่น่าเสียดายที่สุนัขทดลองเหล่านี้ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้นานนัก ส่วนใหญ่พวกมันจะตายภายใน 1-2 สัปดาห์เนื่องจากตัวสุนัขร่างต้นนั้นไม่ยอมรับเนื้อเยื่อที่ถูกนำมาปลูกถ่าย แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ ดร.เดมิคอฟเลิกล้มความพยายามแต่อย่างใด เขายังคงสร้างหมาสองหัวต่อไปเรื่อย ๆ จนมากถึง 19 ตัวในเวลา 15 ปี

           แม้จะฟังดูน่าขยะแขยงเพียงใด แต่ต้องยอมรับว่าการทดลองนี้เป็นต้นกำเนิดวิธีการปลูกถ่ายอวัยวะภายใน โดยเฉพาะการปลูกถ่ายหัวใจจากของคนอื่นไปสู่ผู้ป่วยที่ต้องการหัวใจดวงใหม่

ดร.สตับบินส์ เฟิร์ธ (Stubbins Ffirth) : หมอซดอ้วก

5 การทดลองวิทยาศาสตร์หลุดโลก
ภาพจาก Best College Reviews

           นายแพทย์ชาวอเมริกัน เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะหมอผู้ดื่มอาเจียนของคนไข้โรคไข้เหลือง เพื่อพิสูจน์และหาสาเหตุที่แท้จริงของการแพร่ระบาดของโรคไข้เหลืองในสหรัฐฯ หลังจากมันคร่าชีวิตคนในนครฟิลาเดลเฟีย รัฐเพนซิลวาเนีย ไปมากกว่าหมื่นราย

           ในปี 1793 นายแพทย์เฟิร์ธ ซึ่งขณะนั้นยังเป็นแพทย์ฝึกหัด ได้นำน้ำเหลืองและอาเจียนของผู้ป่วยมาราดลงบนแผลสดของตัวเขา ก่อนจะดื่มเข้าไปจนหมด และพิสูจน์ได้ว่า เขายังสบายดีและไม่ได้เจ็บไข้ได้ป่วยจากโรคไข้เหลืองแต่อย่างใด ซึ่งล้มล้างทฤษฎีของนายแพทย์คนอื่นก่อนหน้านี้ที่อ้างว่า โรคไข้เหลืองติดต่อกันได้ทางอากาศ

           ภายหลัง ในช่วงคริสต์ศักราชที่ 1901 มีการค้นพบว่าโรคไข้เหลืองนั้น แท้จริงแล้วมีพาหะมาจากยุง จึงจัดให้ไข้เหลืองอยู่ในกลุ่มเดียวกับไข้เลือดออก เพราะไข้เหลืองอาจทำให้ผู้ป่วยมีเลือดออกได้ง่ายเช่นเดียวกับโรคไข้เลือดออกนั่นเอง

ดร.โจเซฟ เมงเกเล่ (Josef Mengele) : ยมทูต

5 การทดลองวิทยาศาสตร์หลุดโลก
ภาพจาก Wikipedia

           เป็นที่รู้จักกันดีสำหรับชาวโลกในนามหมอยมทูต ดร.เมงเกเล่รับหน้าที่เป็นผู้วิจัยยีนของมนุษย์ในค่ายกักกันเอาชวิทซ์ ค่ายนรกอันโหดร้ายของชาวยิวที่ตกเป็นเชลยของพวกนาซีในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2

           โดยภารกิจหลักของ ดร.เมงเกเล่ ที่ค่ายแห่งนี้ คือการวิจัยร่างกายมนุษย์ เพื่อค้นคว้าโอกาสที่จะปลดล็อกความลับของยีน และสรรหาวิธีเคลื่อนย้ายพันธุกรรมยีนเพื่อสร้างมนุษย์พันธุ์ใหม่ให้กับกองทัพนาซีต่อไป

           ส่วนวิธีการทดลองของ ดร.เมงเกเล่ ได้แก่การทดลองฉีดเชื้อโรคเข้าไปในมนุษย์ทั้งเป็น เช่น เชื้อวัณโรค ทดลองปลูกถ่ายอวัยวะ โดยการผ่าตัดร่างกายของชาวยิวคนหนึ่งเพื่อย้ายอวัยวะให้อีกคน ผ่าตัดอวัยวะเพศหรืออวัยวะบางส่วนเพื่อทดสอบเรื่องยีน โดยไม่ใช้ยาสลบหรือยาแก้ปวดใด ๆ นำชาวยิวมาทดลองช็อตไฟฟ้าเพื่อทดสอบการทนทานต่อกระแสไฟฟ้าโดยไม่สนใจว่าเหยื่อจะเจ็บปวดหรือถึงตาย และการทดลองอื่น ๆ ที่ไร้มนุษยธรรมและจริยธรรมทุกประการ

           เมื่อสงครามสิ้นสุดลง ดร.เมงเกเล่ถูกจับในฐานะอาชญากรสงครามด้วยข้อหาหลายกระทง แต่น่าแปลกใจที่เอกสารที่เกี่ยวข้องกับการทดลองทั้งหมดในค่ายถูกทำลายทิ้งอย่างรวดเร็วก่อนสงครามจะจบ

ดร.ชิโระ อิชิอิ (Shiro Ishii) : ปิศาจในคราบมนุษย์

5 การทดลองวิทยาศาสตร์หลุดโลก
ภาพจาก Wikipedia

           ดร.ชิโระ อิชิอิ ผู้บัญชาการกรมแพทย์ทหาร ได้รับมอบหมายให้ดูแลนิคมลับและตั้งชื่อว่า หน่วย 731 ฉากหน้าของมันนั้นเป็นที่รู้จักกันในนามโรงเลื่อยไม้ แต่ฉากหลังของมันคือโรงงานนรกที่ทดลองสารพัดสิ่งกับมนุษย์เป็น ๆ เพื่อผลิตอาวุธชีวภาพ

           เชลยชาวแมนจูเรีย ชาวฟิลิปปินส์ ชาวเกาหลี และชาวรัสเซีย ทุกเพศทุกวัย ทั้งชาย หญิง เด็ก คนชรา และหญิงมีครรภ์ (ถ้าเชลยหญิงไม่มีลูก ก็จะถูกทำให้ตั้งครรภ์โดยทีมแพทย์) ถูกต้อนให้มาใช้ชีวิตอยู่ภายในหน่วย 731 เพื่อนำไปเป็นหนูทดลองในการศึกษาการระบาดของโรคติดต่อร้ายแรง รวมถึงการทดลองระบบการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ทั้งภายนอกและภายในร่างกาย ในขณะที่หนูทดลองเหล่านั้นยังมีลมหายใจอยู่

           หาก ดร.อิชิอิ อยากจะศึกษาเรื่องการทำงานของหัวใจ เขาก็จะใช้มีดกรีดลงบนหน้าอกเชลยแล้วแหวกดูเอาดื้อ ๆ ที่สำคัญคือไม่มีการวางยาสลบหรือให้ยาแก้ปวดใด ๆ เชลยเหล่านี้ยังมีสติสัมปชัญญะครบทุกประการ

           มีการทดลองที่ป่าเถื่อนอีกมาก เช่น ตัดแขนและขาของเชลยออกมาแล้วนำไปเย็บต่อกับอีกข้างหนึ่ง ทดลองให้มนุษย์ถูกแช่แข็งทั้งเป็นแล้วนำไปละลายในน้ำร้อนเพื่อทดลองการรักษาบาดแผล นอกจากนี้ยังมีการทดสอบระเบิดและการใช้ปืนไฟกับมนุษย์เป็น ๆ  และมีการฉีดเชื้อโรคต่าง ๆ เพื่อทดลองผลกระทบของโรค หนำซ้ำยังมีการข่มขืนนักโทษทั้งชายและหญิง เพื่อศึกษาและทดลองการติดต่อของกามโรค

           แม้สิ่งที่ ดร.อิชิอิ ได้กระทำลงไปในช่วงสงครามจะโหดร้ายทารุณเพียงใด แต่เขาไม่เคยถูกจับในข้อหาอาชญากรสงครามหรือข้อหาอื่น ๆ เลย เขาเสวยสุขเหมือนคนปกติทั่วไป จนกระทั่งเสียชีวิตในวัย 67 ปีด้วยโรคมะเร็งในลำคอ

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
5 การทดลองวิทยาศาสตร์หลุดโลก ที่สยองขวัญสั่นประสาทสุด ๆ อัปเดตล่าสุด 12 พฤศจิกายน 2558 เวลา 18:24:51 39,718 อ่าน
TOP