เปิดเส้นทางหนี ของ พ.อ. คชาชาต บุญดี ผู้ต้องหาคดีแอบอ้างเบื้องสูง คาดกบดานกับกลุ่มกะเหรี่ยง เหตุกองทัพภาค 3 ให้ความช่วยเหลือมากที่สุด
วันที่ 20 พฤศจิกายน 2558 สำนักข่าวอิศรา รายงานว่า หลังจากมีกระแสข่าว การจับกุมตัว พ.อ. คชาชาต บุญดี นายทหารฝ่ายเสนาธิการ กองทัพภาคที่ 3 ผู้ต้องหาคดีหมิ่นสถาบันออกมาเป็นระยะ ๆ แต่ยังไม่ชัดเจนว่าสามารถจับกุมตัวได้แล้วหรือไม่
อย่างไรก็ตาม เป็นที่แน่นอนว่า พ.อ. คชาชาต ได้หนีไปกบดานที่ชายแดนไทย-เมียนมา ผ่านด้านแม่สอด-เมียวดี เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2558 โดยมีกองกำลังไม่ทราบฝ่ายมารับตัว ซึ่ง กองทัพภาคที่ 3 ได้ทำหนังสือลับรายงานมาถึงผู้บังคับบัญชาเพื่อรายงานการหลบหนีของ พ.อ. คชาชาต ว่า เดินทางเข้าจังหวัดเมียวดี ประเทศเมียนมา โดนอาศัยชนกลุ่มน้อย
แต่ยังคงเป็นปริศนาว่า ชนกลุ่มน้อยไหนเป็นผู้รับตัว พ.อ. คชาชาต ไป หากย้อนไปดูรายงานที่ผ่านมา พ.อ. คชาชาต ได้เดินทางไปยังด่านแม่สอด ก่อนข้ามสะพานแม่น้ำเมย ไปยังเมืองเมียวดี เพื่ออาศัยอยู่กับกองกำลังชนกลุ่มน้อย ที่ต้องจับตาคือ ชนกลุ่มน้อยกะเหรี่ยง หากสแกนพื้นที่รอยต่อไทย-เมียนมา จะพบ "ชนกลุ่มน้อย" ที่เคลื่อนไหวอยู่ดังนี้
ตั้งแต่บริเวณอำเภออุ้มผางจนถึงอำเภอแม่สอด เป็นเขตอิทธิพลของ "กะเหรี่ยงพุทธดีเคบีเอ" มีความสัมพันธ์ไม่ค่อยดีกับกองทัพไทย บริเวณเมืองเมียวดี ตรงข้ามอำเภอแม่สอดจนถึงอำเภอแม่ระมาด เป็นเขตอิทธิพลของ "กองกำลังบีจีเอฟ" ซึ่งถือเป็นกองกำลังที่ทำงานให้กับ "รัฐบาลทหารเมียนมา"
บริเวณอำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก เป็นเขตอิทธิพลของ "กะเหรี่ยงคริสต์" หรือเคเอ็นยูเคเอ็นแอลเอ เป็นกองกำลังที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด และได้รับการช่วยเหลือจาก "กองทัพภาคที่ 3" มากพอสมควร ถัดมาถึงจังหวัดแม่ฮ่องสอนจะเป็นพื้นที่ของ "รัฐฉาน" หรือไทใหญ่ เป็นกลุ่มที่ได้รับความช่วยเหลือจาก "กองทัพภาคที่ 3" มากที่สุด และ "บิ๊กรัฐฉาน" หลายคน ยังสนิทสนมกันดีกับ พ.อ. คชาชาต จนมีกระแสข่าวออกมาหนาหูว่า พ.อ. คชาชาต ได้รับความช่วยเหลือจาก "เจ้ายอดศึก" ในการหลบหนีครั้งนี้ แต่ด้วยภาวะที่ "รัฐฉาน" กำลังเผชิญกับสงคราม จึงลำบากพอสมควรที่ "เจ้ายอดศึก" จะมาอำนวยความสะดวกให้ "พ.อ. คชาชาต" เพราะต้องดูแลประชาชนที่อยู่ในความดูแล
ภาพจาก เฟซบุ๊ก กรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
