ISIS ประกาศผ่านทางวิทยุ อ้างตัวเกี่ยวข้องเหตุกราดยิง 14 ศพ ที่ซาน เบอร์นาร์ดิโน สหรัฐฯ เผยผู้ก่อเหตุเป็นผู้สนับสนุนกลุ่มรัฐอิสลาม ขณะเจ้าหน้าที่พบเฟซบุ๊กมือปืนหญิง มีการโพสต์ข้อความแสดงความจงรักภักดีต่อ ISIS และผู้นำกลุ่ม
เว็บไซต์เดลี่เมล มีรายงานในวันที่ 5 ธันวาคม 2558 ระบุว่า กลุ่ม ISIS ได้กล่าวอ้างตัวเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง เหตุกราดยิง 14 ศพ ที่ศูนย์ชุมชนซาน เบอนาร์ดิโน ในแคลิฟอร์เนีย เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ผ่านทางสถานีวิทยุ อัล-บายัน ของทางกลุ่ม
"ผู้ติดตามกลุ่มรัฐอิสลาม 2 ราย ได้จู่โจมที่ศูนย์ชุมชนซาน เบอนาร์ดิโน ในแคลิฟอร์เนีย เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้"
ภาพจาก ROBYN BECK / AFP
และในวันเดียวกันกับที่ ISIS ออกมาประกาศอ้างตัวเกี่ยวข้องกับเหตุกราดยิง ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ก็เพิ่งออกแถลงให้คำมั่นว่า "อเมริกาจะไม่เผชิญการก่อการร้าย" พร้อมเรียกร้องให้รัฐสภาผ่านกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาวุธปืนให้เคร่งครัดขึ้น และสัญญาว่าจะสาวลงไปให้ถึงก้นบึ้งของเหตุกราดยิงสะเทือนขวัญนี้ให้ได้
ภาพจาก San Bernardino County Sheriff / AFP
ทั้งนี้ เหตุกราดยิงดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม เวลาราว 11.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ขณะที่กำลังมีการจัดงานเลี้ยงอยู่ภายในศูนย์ คนร้ายสองสามี-ภรรยา ซึ่งถูกระบุชื่อในเวลาต่อมา คือ ไซเอ็ด ฟารุค พลเมืองอเมริกันวัย 28 ปี และ แทชฟีน มาลิค วัย 27 ปี บุกเข้าไปพร้อมอาวุธปืนครบมือ เปิดฉากกราดยิงไม่เลือกหน้า เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 14 ราย บาดเจ็บ 21 ราย หลังก่อเหตุแล้วคนร้ายหลบหนี แต่ถูกเจ้าหน้าที่ตามสกัด เกิดการยิงปะทะ และคนร้ายถูกวิสามัญยิงเสียชีวิตทั้งคู่
ภาพจาก AFP
ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ยังไม่ทราบแรงจูงใจในการก่อเหตุ แต่ก็ยังคงไม่ตัดความเป็นไปได้กรณีการก่อการร้ายออกไป และยังไม่พบหลักฐานบ่งชี้ชัดเจนว่าผู้ก่อเหตุเป็นสมาชิกของกลุ่มหัวรุนแรงใด ๆ
ขณะที่คนในครอบครัวของฟารุคต่างรู้สึกตระหนก ไม่คิดว่าเขาจะลงมือก่อเหตุโหดเหี้ยมดังกล่าว เนื่องจากไม่มีวี่แววใด ๆ ให้สงสัย และยังให้ข้อมูลเกี่ยวกับ แทชฟีน มาลิค ว่า เธอสวมใส่ผ้าคลุมศีรษะตลอดเวลา และไม่ยอมพูดคุยกับญาติที่เป็นผู้ชาย ญาติของฝ่ายสามีนั้นไม่เคยเห็นใบหน้าของเธอเลย เธอเรียนจบด้านเภสัชศาสตร์ที่ปากีสถาน แต่ไม่ได้ประกอบอาชีพตรงสายในอเมริกา เธอเป็นแม่บ้านเลี้ยงดูลูกสาววัย 6 เดือน และพูดภาษาอังกฤษได้ไม่แข็งแรงนัก
เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องยังเปิดเผยว่า ในเฟซบุ๊กของนางมาลิค มีการโพสต์ข้อความแสดงความจงรักภักดีต่อกลุ่ม ISIS และผู้นำกลุ่ม นายอัล-บัคดาดิ ในช่วงเวลาใกล้เคียงกับที่ก่อเหตุ แต่ไม่นานโปรไฟล์ก็ถูกรีพอร์ตและนำออกจากเฟซบุ๊กไป ขณะที่เอฟบีไอเชื่อว่า มือปืนมุสลิมทั้งคู่นี้ไม่ได้ก่อเหตุโดยมีแผนการหรือกลุ่มที่ใหญ่กว่าหนุนอยู่เบื้องหลัง แต่ก็นับเป็นการก่อเหตุที่ได้รับอิทธิพลจากกลุ่มอิสลามหัวรุนแรงที่ร้ายแรงที่สุดในสหรัฐฯ นับตั้งแต่เหตุการณ์ 9/11