x close

เปิดใจ ปวีณ พงศ์สิรินทร์ หัวหน้าคดีโรฮีนจา สุดเศร้าต้องเป็นผู้ลี้ภัยเสียเอง





          ปวีณ พงศ์สิรินทร์ เปิดใจ หลังขอลี้ภัยต่อทางการออสเตรเลีย ชี้โดนกลั่นแกล้งโยกย้ายลง 3 จังหวัดชายแดนใต้ เชื่อหวังล็อกเป้าปลิดชีพ แฉถูกหลายฝ่ายบีบให้หยุดดำเนินการ สุดเศร้าต้องเป็นผู้ลี้ภัยเสียเอง เผยเหตุไม่ร้องทุกข์ตามระบบเพราะใช้เวลานานอาจอยู่ไม่ถึง

          วานนี้ (11 ธันวาคม 2558) พล.ต.ต. ปวีณ พงศ์สิรินทร์  อดีตหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีค้ามนุษย์โรฮีนจา เปิดเผยผ่านรายการ 3 มิติ ออกอากาศทางช่อง 3 กรณียื่นขอลี้ภัยต่อทางการประเทศออสเตรเลีย เนื่องจากหวั่นความไม่ปลอดภัย จากการถูกข่มขู่คุกคามของกลุ่มอิทธิพลค้ามนุษย์ที่มี ข้าราชการ นักการเมืองท้องถิ่น นักธุรกิจเข้ามาเกี่ยวข้องว่า ตลอดระยะเวลา 5 เดือน ได้รับการกดดัน ข่มขู่ คุกคาม จากหลายฝ่ายด้วยกัน ด้วยการไม่ให้ดำเนินคดี และดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา อีกทั้งตนได้ถูกแต่งตั้งโยกย้ายให้ไปอยู่ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งเป็นการกลั่นแกล้ง เหมือนกับซ้ำเติม และเป็นการล็อกเป้าเพื่อให้ตนเกิดอันตรายต่อชีวิต

          นอกจากนี้ตนยังโดนนายทหารนายหนึ่งบอกให้หยุดทำคดีเพราะมันอันตราย มีการกดดันต่าง ๆ นานาไม่ให้ออกมาจัดการ ขณะเดียวกันยังไม่ได้รับความร่วมมือในการสอบสวนจากหน่วยงานบางหน่วย รวมถึงมีการปิดบังข้อมูลจนทำให้การสืบสวนเป็นไปด้วยความยากลำบาก ซึ่งตนมีข้อมูลส่วนนี้อีกมากแต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ในขณะนี้ ในส่วนของผู้บังคับบัญชาก็ไม่ได้ปกป้องคุ้มครองคณะทำงาน ทั้งหมดเป็นเหตุผลที่ตนไม่สามารถอยู่ได้

          ส่วนที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ บอกว่า ถ้ารู้สึกว่าไม่เป็นธรรมก็มีขั้นตอนในการร้องเรียน ซึ่งผู้บริหารระดับสูงน่าจะรู้นั้น ตนทราบว่า มีการร้องเรียนตามขั้นตอน แต่มันใช้เวลานานมาก และการที่ตนต้องลงไปทำงานในพื้นที่ที่เสี่ยงภัยก็ไม่หลักประกันความปลอดภัย ซึ่งตนอาจจะไม่ได้มีโอกาสร้องเรียน นั้นจึงไม่ยุติธรรมกับตนที่จะให้ไปทำงานใพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้

          อย่างไรก็ตาม เมื่อ 2 ปีก่อน ตนเคยสมัครเพื่อลงไปทำงานในศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนใต้ (ศอ.บต.) แต่ไม่ได้รับการพิจารณา โดยขณะนั้นตนไม่ได้มีศัตรูที่เป็นกลุ่มผู้ต้องหา หรือผู้มีอำนาจที่มีอาวุธปืน แต่หลังจากที่ตนมาทำคดี ไม่ว่าจะเป็น แท็กซี่มาเฟียที่ภูเก็ต ซึ่งมีการจับกุมผู้ต้องหาได้กว่า 200 คน รวมถึง คดีค้ามนุษย์โรฮีนจา ซึ่งผู้ต้องหาเป็นเครือข่ายที่ใหญ่โต มีทั้งอำนาจ สมัครพรรคพวกจำนวนมากใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ที่เป็นแหล่งขบวนการค้ามนุษย์ ตนจึงมีศัตรูมากกว่าปกติหลายเท่า ถ้าไม่ต้องมาทำในส่วนนี้ตนจะไม่ปฏิเสธเลยที่จะไปชายแดนภาคใต้

          "นายทหารที่ออกหมายจับไป ร.อ. วิสุทธิ์ บุนนาค เข้ามามอบตัวเมื่อปลายเดือนกันยายน และได้แจ้งว่า ลูกน้องของผู้มีอำนาจข่มขู่ให้เขาหลบหนีไปไม่ให้มอบตัว เขาเกรงว่า ถ้าเขาหลบหนีไป จะถูกตัดตอน ส่วนสถานการณ์การข่มขู่ในคดีนี้จะเป็นยังไงคงไม่ต้องอธิบาย แคมป์ที่มีการกักขังชาวโรฮีนจาในเทือกเขาแก้ว เป็นระยะเวลาอันยาวนาน ค่อนข้างถาวร การเกิดแคมป์ลักษณะนี้ คนไม่มีอำนาจไม่มีอิทธิพล หรือไม่มีเจ้าหน้าที่ของบ้านเมืองรู้เห็นเป็นใจตั้งไม่ได้หรอก" พล.ต.ต. ปวีณ กล่าว


          เมื่อถามว่า รู้สึกอย่างไรที่เคยเป็นคนช่วยคดีโรฮีนจาที่เป็นกลุ่มผู้ลี้ภัยแต่ตอนนี้กลับเป็นผู้ลี้ภัยเสียเอง พล.ต.ต. ปวีณ กล่าวว่า "ผมเศร้าและเสียใจกับเหตุการณ์ที่มาเกิดกับผม โดยที่ผมไม่เคยวางแผนในชีวิตว่าต้องมาอยู่ในลักษณะนี้ ผมอายุมากแล้ว และตั้งใจทำงาน เสียใจอย่างสุดซึ้งครับ"


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก



เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เปิดใจ ปวีณ พงศ์สิรินทร์ หัวหน้าคดีโรฮีนจา สุดเศร้าต้องเป็นผู้ลี้ภัยเสียเอง อัปเดตล่าสุด 13 ธันวาคม 2558 เวลา 14:37:35 23,809 อ่าน
TOP