
นักดาราศาสตร์เผยดาวหางขนาดมหึมาจำนวนมาก มีความเป็นไปได้ว่าจะพุ่งชนโลกเข้าวันใดวันหนึ่ง และอาจนำมาซึ่งมหันตภัยร้ายถึงขั้นสูญสิ้นเผ่าพันธุ์มนุษยชาติ ต้องค้นหาและศึกษาวัตถุอวกาศเหล่านี้มากขึ้น
วันที่ 23 ธันวาคม 2558 เว็บไซต์เดลี่เมล รายงานข่าวชวนตะลึง เมื่อวารสาร Astronomy & Geophysics ได้ตีพิมพ์บทความทางวิทยาศาสตร์และดาราศาสตร์ชื่อ Centaurs as a hazard to civilization (เซนทอร์ซึ่งเป็นภัยต่ออารยธรรมโลก) อันเป็นงานวิจัยของ บิล เนเปียร์ เดวิด แอชเชอร์ มาร์ก ไบลี่ และ ดันแคน สตีล ที่ว่าด้วยการคาดเดาว่า ดาวหางหรือดาวเคราะห์น้อยขนาดใหญ่ที่โคจรอย่างไร้ทิศทางในขอบเขตพ้นดาวเนปจูน อาจพุ่งชนโลกได้ในวันใดวันหนึ่ง
กลุ่มดาวหางขนาดมหึมาเหล่านี้เรียกว่า "เซนทอร์" เป็นวัตถุอวกาศที่ประกอบด้วยน้ำแข็งและฝุ่น มีวงโคจรที่อยู่เลยวงโคจรของดาวเนปจูนออกไป มีขนาดใหญ่ตั้งแต่ 50 กิโลเมตร ไปจนถึง 100 กิโลเมตร เส้นทางการโคจรของพวกมันจะคาบเกี่ยวกับเส้นทางโคจรของดาวพฤหัสบดี ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส และดาวเนปจูน

เส้นสีแดงคือวงโคจรที่ไร้ทิศทางของดาวเคราะห์น้อยในกลุ่มเซนทอร์
ตลอดช่วงเวลา 20 กว่าปีที่ผ่านมา มีการค้นพบดาวหางเซนทอร์เป็นจำนวนมาก นับร้อยนับพันดวง ซึ่งแม้ว่าพวกมันจะอยู่ไกลลิบ แต่บางครั้งบางคราว ดาวหางเหล่านี้อาจจะแฉลบออกนอกเขตแรงโน้มถ่วงของหนึ่งในดาวเคราะห์ที่พวกมันโคจรอยู่ใกล้ ๆ แล้วพุ่งเข้ามาหาโลกของเรา ซึ่งด้วยขนาดที่มีตั้งแต่ 50 กิโลเมตรขึ้นไป นั่นหมายความว่าถ้าเกิดดาวดวงที่เล็กที่สุดในหมู่พวกมันดันพุ่งชนโลก ก็สามารถทำให้สิ่งมีชีวิตทุกชนิดบนโลกนี้สูญพันธุ์ได้ง่าย ๆ เลยทีเดียว แต่ถึงอย่างนั้น ก็ไม่ได้เกิดขึ้นได้บ่อย ๆ นักดาราศาสตร์ที่เขียนบทความนี้เผยว่าเหตุการณ์ดาวหางชนโลกจะเกิดขึ้นเฉลี่ยทุก ๆ 40,000-100,000 ปี
"ในรอบ 30 ปีที่ผ่านมา เราลงทุนลงแรงในการติดตามเฝ้าดู และวิเคราะห์ความเสี่ยงของการปะทะกันระหว่างโลกและดาวเคราะห์น้อย" บิล เนเปียร์ ผู้เขียนจากมหาวิทยาลัยบักกิ้งแฮม กล่าว
สำหรับวัตถุประสงค์ของงานวิจัยดังกล่าว ก็เพื่อเสนอให้มีการค้นหาเซนทอร์ที่โคจรอยู่ใกล้กว่าดาวเนปจูน อย่างในเขตพ้นวงโคจรดาวพฤหัส ซึ่งหากพบว่ามีเซนทอร์มากมายอยู่บริเวณนี้ ก็จะมีความเสี่ยงต่อโลกอย่างมาก และถึงเวลาที่เราควรจะศึกษาและทำความเข้าใจมันมากขึ้นได้แล้ว
ทั้งนี้ ในตอนท้ายของบทความ ผู้เขียนได้แนะนำว่า นาซาควรบรรจุชื่อเซนทอร์อีกหลายร้อยดวง ให้อยู่ในหมวดวัตถุอวกาศที่อาจเป็นภัยต่อโลกได้แล้ว
ภาพจาก lunar planner, NASA