ดีเอสไอแถลงข่าวคดีรถเบนซ์หรูสมเด็จช่วง ชี้ใช้เอกสารจดประกอบปลอม ผิดกฎหมายทั้ง นำเข้า-ประกอบรถ-เสียภาษีสรรพสามิต-จดทะเบียน
วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2559 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ. ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แถลงข่าวถึงความคืบหน้าคดีตรวจสอบรถเบนซ์โบราณทะเบีบน ขม 99 ของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือสมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ ว่า หลังดีเอสไอรับเรื่องไว้เมื่อปี 2556 เป็นต้นมา ในปี 2558 ก็มีผู้มาร้องว่ารถคันนี้นำเข้าโดยผิดกฎหมาย ดีเอสไอจึงได้ตรวจสอบเรื่องนี้ และทางวัดก็ได้เชิญเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบถึง 2 ครั้ง เมื่อได้เอกสารมาก็พบว่า "หลวงพี่แป๊ะ" รับว่า เป็นคนจัดหารถคันนี้ในราคา 4 ล้านบาท เพื่อถวายสมเด็จช่วง และจ้าง "อู่วิชาญ" ดำเนินการ ถามว่าได้ขึ้นทะเบียนจดรถประกอบหรือไม่ ได้รับคำตอบว่า ไม่ เมื่อย้อนไปดูการจดประกอบ มีชื่อนางกาญจนา ก็เชิญมาสอบ เจ้าตัวก็ยอมรับว่า ไม่เคยเป็นผู้จดประกอบรถคันนี้เลย ก็เห็นชัดเจนว่า มีคนปลอมแปลงชื่อเขา
พ.ต.อ. ไพสิฐ กล่าวอีกว่า อู่วิชาญไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับกรมสรรพสามิต นอกจากนี้การชำระภาษีนั้น นางกาญจนาก็ยอมรับว่าไม่ได้เป็นคนทำ มีคนเอาชื่อตัวเองไปแอบอ้าง เมื่อถึงขั้นตอนการจดทะเบียน ก็มีคนรับว่า จดทะเบียนด้วยการปลอมลายมือชื่อ ซึ่งแต่ละขั้นตอนมีความผิดตามข้อหาต่าง ๆ และเมื่อย้อนไปดูการนำเข้า คือ บริษัทแบ่งแยกชิ้นส่วนมา ส่วนอุปกรณ์ ส่วนควบ ก็ไม่สามารถตรวจสอบเจอว่ามีการนำเข้ามาจริง
ทั้งนี้ ดีเอสไอจึงเห็นว่า ใน 4 ขั้นตอนคือ นำเข้า-ประกอบรถ-เสียภาษีสรรพสามิต-จดทะเบียน เป็นการกระทำที่ไม่ชอบ น่าจะเข้าข่ายผิดกฎหมายหลายเรื่อง ทั้ง พ.ร.บ.ศุลกากร, พ.ร.บ.สรรพสามิต แจ้งข้อมูลอันเป็นเท็จ ไม่ว่ารถคันนี้ไปอยู่กับใคร ผลการสอบก็เป็นเช่นนี้ ไม่ใช่เอกสารใหม่ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว คณะกรรมการกลั่นกรองของดีเอสไอ จึงเสนอให้รับเป็นคดีพิเศษ ขั้นตอนต่อไปเป็นขั้นตอนการสอบสวน โดยรถคันนี้เป็นรถคลาสสิกประกอบเมื่อปี 1953
เกาะติดข่าว แต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราช ทั้งหมดคลิกเลย
ภาพจาก ทวิตเตอร์ @js100radio , thaipost
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
