กรมสรรพสามิต พร้อมให้ความร่วมมือตรวจสอบรถโบราณหรูของสมเด็จช่วงอย่างเต็มที่ ชี้ต้องรอคดีถึงที่สุด จึงจะเข้าประเมินภาษีได้
หลังจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้แถลงผลการสืบสวนรถยนต์โบราณนำเข้า ยี่ห้อเมอร์เซเดส เบนซ์ ทะเบียน ขม 99 กทม. ของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือสมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ และผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ระบุว่า จะใช้เวลาในการตรวจสอบในส่วนของผู้ครอบครอง 2-3 เดือน ซึ่งขณะนี้ดีเอสไอยังไม่ได้ชี้ว่าสมเด็จช่วงนั้นผิดหรือไม่ผิด [อ่านข่าว ดีเอสไอ แถลงรถเบนซ์หรูสมเด็จช่วง ผิดกฎหมายทุกขั้นตอน]
ล่าสุด วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2559 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง ได้ออกมาเปิดเผยถึงกรณีดังกล่าวว่า ทางกระทรวงการคลังพร้อมจะสนับสนุนข้อมูลอย่างเต็มที่ หากทางดีเอสไอต้องการข้อมูลจากรมสรรพสามิตและศุลกากร สามารถติดต่อขอมาได้ ทั้งนี้ หากดีเอสไอเห็นว่ามีเจ้าหน้าที่ข้าราชการของกระทรวงการคลังมีส่วนเกี่ยวข้อง ขอให้ส่งข้อมูลมา เพื่อดำเนินการตามระเบียบและกฎหมาย แต่ขณะนี้ยังไม่ได้รับข้อมูลใด ๆ จากดีเอสไอ
ด้านนายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวในทำนองเดียวกันว่า ทางกรมสรรพสามิตพร้อมให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ เพื่อให้เกิดความโปร่งใส แต่ขณะนี้ ยังไม่เห็นหนังสือแจ้งเรื่องการเก็บภาษีไม่ถูกต้องจากดีเอสไอ คงต้องรอต่อไป และหากมีเจ้าหน้าที่ไปเกี่ยวข้องจริง ก็จะมีการพิจารณาโทษตามกฎหมายอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ดี ในด้านของข้อกฎหมายนั้น ถ้าหากมีการกล่าวหาเป็นคดี กรมสรรพสามิตจะไม่สามารถไปประเมินภาระภาษีได้ ทำได้เพียงให้ความร่วมมือในการตรวจสอบ ซึ่งต้องรอคดีถึงที่สุดว่า ใครเป็นผู้กระทำผิดก่อน แล้วจึงจะประเมินภาษีได้ ตาม พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต มาตรา 161, 162 และ 163
เกาะติดข่าว แต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราช ทั้งหมดคลิกเลย
ภาพจาก thaipost, วัดปากน้ำ
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม