Thailand Web Stat

น้องไอซ์ ลูกหมอที่เสียชีวิตจากช่วยคนไข้ เปิดใจชีวิตต้องสู้...เมื่อไร้พ่อ


น้องไอซ์ อารดา วงศ์ดีเลิศ

น้องไอซ์ อารดา วงศ์ดีเลิศ

          เปิดชีวิตสุดรันทดของน้องไอซ์ เคราะห์ร้ายเสียพ่อที่เป็นหมอจากการช่วยชีวิตคนไข้ พร้อมฟังเรื่องราวสุดประทับใจ คุณย่าหญิงเหล็กผู้เป็นทุกอย่างของเธอ

          เป็นเรื่องราวที่ผู้คนที่ได้พบได้อ่านคงรู้สึกสะเทือนใจกันไปตามกันกับเรื่องราวของ น.ส.อารดา วงษ์ดีเลิศ หรือ น้องไอซ์ เด็กกำพร้าวัย 15 ปี ที่เส้นทางชีวิตของเธอเหมือนถูกคนบนฟ้าเล่นตลก เมื่อต้องเสียทั้งคุณพ่อและคุณแม่ตั้งแต่ยังเด็ก และต้องอาศัยกับคุณย่าของเธอเพียง 2 คน ด้วยชีวิตที่แสนยากลำบาก

          ล่าสุด วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2559 น้องไอซ์ และนางบุญนาค จับศรทิพย์ วัย 81 ปี ย่าของน้องไอซ์ ได้ออกมาเปิดใจผ่านรายการเจาะข่าวเด่น ออกอากาศทางช่อง 3 โดยน้องไอซ์ เล่าว่า เธอเป็นลูกของพ่อกฤษดา วงษ์ดีเลิศ ตอนเธออายุ 5 เดือน คุณแม่ได้เดินทางโดยรถยนต์กับเพื่อนผู้ใหญ่ 3 คน แต่รถเกิดอุบัติเหตุจนทุกคนเสียชีวิตหมด มีแต่เธอกระเด็นออกจากรถรอดชีวิตมาได้เพียงคนเดียว ต่อมาไม่นาน คุณพ่อซึ่งเป็นแพทย์ที่จบจากคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็ได้เสียชีวิตลง ตอนที่เธออายุเพียง 2 ขวบ

          ย่าน้องไอซ์ เล่าว่า น้องไอซ์เขียนเรียงความที่โรงเรียน คาดว่าที่น้องเขียนแบบนั้น คงเป็นเพราะน้อยเนื้อต่ำใจที่น้องเกิดมาไม่มีพ่อไม่มีแม่ ญาติพี่น้องก็ไม่เหลียวแล เหลือแต่ย่า เขาจึงเขียนลงไปในเรียงความ ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าเขาจะชนะเรียงความมาก่อน

น้องไอซ์ อารดา วงศ์ดีเลิศ

          น้องไอซ์ เล่าชีวิตตัวเองว่า คุณย่าเคยเล่าว่าแม่ของเธอเสียอายุตอน 5 เดือน พ่อก็ไม่มีเวลาเลี้ยง จึงต้องให้ย่าที่ตอนนั้นทำอาชีพเลี้ยงจระเข้มาช่วยเลี้ยงตน หลังจากนั้นพอ 2 ขวบ พ่อก็ได้เสียชีวิตจากการติดเชื้อจากคนป่วย ก่อนที่พ่อจะเสียชีวิตได้ไปแต่งงานใหม่แต่ไม่มีลูกกัน พอพ่อเสียชีวิตภรรยาใหม่ก็ไปมีครอบครัวใหม่ สาเหตุที่พ่อของเธอเสียชีวิตนั้น เพราะต้องรักษาคนไข้ที่มีอาการป่วยหนักมาก ด้วยความที่เป็นห่วงคนไข้จึงรักษาโดยไม่ได้ป้องกันอะไร ขณะรักษาคนไข้ได้ใส่สายทิวบ์ที่จมูก ส่วนผู้ช่วยก็ปั๊มลมหายใจอยู่ และจังหวะนั้นพ่อของเธอก้มลงไป แต่คนไข้อาเจียนเข้าที่ใบหน้าพ่อ ตอนแรกก็ยังไม่มีอาการในทันที ต่อมาประมาณ 5-6 เดือน จึงมีอาการป่วยติดเชื้อ

          ย่าน้องไอซ์ เล่าถึงอาการป่วยของ นพ.กฤษดา ว่า อาการป่วยในตอนนั้นเหมือนเขาปวดหัวธรรมดา แต่เมื่อเป็นนานขึ้นก็เกิดอาการน็อก และมีสมองบวม จึงนำตัวเข้ารักษาที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ พวกอาจารย์ก็เห็นว่า อาการหนักมากแล้ว จึงเอากลับมาดูแลต่อที่บ้าน สุดท้าย นพ.กฤษดา ได้เสียชีวิต โดยก่อนจะขาดใจตาย นพ.กฤษดา ได้ขอนอนหนุนตักเธอแล้วก็หมดลม ขณะนั้น นพ.กฤษดา อายุเพียง 35 ปี แต่เขาก็ทิ้งลูกของเขาคนหนึ่งไว้ให้เลี้ยง

น้องไอซ์ อารดา วงศ์ดีเลิศ

          ถามว่าเหนื่อยไหมที่เลี้ยงน้องไอซ์ มันก็เหนื่อยเพราะเราไม่รู้ว่า เด็กเติบโตมาจะนิสัยอย่างไร คำพูดที่เราอบรมไปก็ไม่รู้ว่าเขาจะเชื่อหรือไม่ เราก็คิดไปสารพัด แต่น้องไอซ์ไม่เคยออกนอกลู่นอกทาง ถือว่าเป็นบุญอย่างหนึ่ง ขยันขันแข็งช่วยทำมาหากิน

          ย่าน้องไอซ์ เล่าต่อว่า ที่น้องไอซ์ออกจากโรงเรียนเพราะต้องเข้าโรงพยาบาลบ่อย เนื่องจากน้องไอซ์เครียด ประกอบกับมีโรคประจำตัวคือโรคลมชัก อีกทั้งเงินทองก็กระท่อนกระแท่น ถึงแม้รัฐบาลจะช่วยเหลือในการศึกษาบ้าง แต่การใช้ชีวิตในโรงเรียนก็มีกิจกรรมอื่น ๆ ทั้งค่ากิน ค่าอยู่ ค่ารถ จะให้น้องไอซ์ไปโรงเรียนเองก็ไม่ได้เพราะกลัวชัก คนอื่นขับรถมาอาจชนเขา จะพลอยติดคุกไปด้วย ก็ต้องจ้างรถรับ-ส่งนักเรียน

น้องไอซ์ อารดา วงศ์ดีเลิศ

          น้องไอซ์ เล่าถึงเรื่องการศึกษาของเธอว่า ผลการเรียนของเธอเฉลี่ยอยู่ที่ 3 กว่า ๆ แต่เธอต้องออกจากโรงเรียนตั้งแต่เทอมแรก เพราะหากเธอไม่หยุดเรียนก็จะไม่มีที่ซุกหัวนอน โดยเธออาศัยการรับจ้างทั่วไป อาทิ โปรยทานในงาน ถักนิตติ้ง ถักโครเชต์ รับจ้างทำการบ้าน รับจ้างช่วยเหลือคนป่วยที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แต่ค่าจ้างไม่แน่นอน กลับกันตนมีค่าใช้จ่ายหลายอย่าง อาทิ ค่าบ้าน ค่าน้ำ และค่าไฟ

          น้องไอซ์ ย้อนเล่าถึงอดีตว่า เมื่อพ่อเสียแล้ว ภรรยาใหม่เขาก็แยกไปมีครอบครัวใหม่ ย่าก็พาเธอเข้ากรุงเทพฯ เพื่อพาไปหาคนที่รู้จัก เมื่อเจอกันเขาก็รับย่าไปทำงานเป็นแม่บ้านในโรงงาน ซึ่งตอนนั้นชีวิตก็ไม่ได้ลำบาก โดยไปอยู่ที่ จ.นครปฐมเป็นเวลา 10 ปี เธอก็ได้เรียนจนจบ ป.6 ถึงแม้เธอไม่มีพ่อไม่มีแม่ แต่เธอไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะยังมีคุณย่าอยู่ ย่าเป็นคนดุมากพูดคำไหนคำนั้น ถ้ามีเรื่องไหนที่ทำให้โมโห ย่าจะไม่พูดด้วยเป็นอาทิตย์ ชีวิตในความทรงจำในวัยประถมศึกษาจึงเป็นความทรงจำที่ดีเพราะมีย่า

น้องไอซ์ อารดา วงศ์ดีเลิศ

          ขณะเดียวกันย่าน้องไอซ์ ได้เล่าย้อนความทรงจำในอดีตว่า เธอได้เข้าทำงานในโรงงาน และส่งให้น้องไอซ์เรียนที่โรงเรียนวัดน้อย จ.นครปฐม เมื่อจบ ป.6 จะเรียนต่อชั้น ม.1 แต่โรงเรียนอยู่ไกลมาก รถรับ-ส่งก็ไม่มี ตนก็เลยต้องกลับมาอยู่ที่ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ที่ต้องกลับมาเพราะอยู่นครปฐมเธอห่วงน้องไอซ์ ช่วงแรกก็มาอยู่กับภรรยาใหม่ของพ่อน้องไอซ์ แต่เกรงใจเขาก็เลยออกมาหาบ้านอยู่เอง เพราะเขาก็มีครอบครัวแล้ว บ้านก็เป็นชั้นเดียว สภาพบ้านก็เหมือนที่อยู่ทุกวันนี้

          น้องไอซ์ เล่าถึงเรื่องอาการป่วยของเธอ ว่า โรคลมชักเพิ่งมาเป็นตอน ม.2 อาการก็ชักเหมือนไม่มีตัวตน หลับไปเลยจะรู้ตัวอีกทีเมื่อย่าพบเห็นแล้วพูด และยังมีอาการปวดหัวปวดหลังอีกด้วย

          ย่าน้องไอซ์ เล่าเพิ่มเติมว่า ตอนน้องไอซ์ชักจะมีน้ำลายและเลือดปนกันออกมา มือและขาแข็ง ตาเหลือก ปากเบี้ยว ตอนนั้นเธอก็เขย่า ๆ ตัว และอาราธนาพระ เป่าหัวหลาน ช่วงแรก ๆ น้องไอซ์มีอาการบ่อยพอสมควร แต่ทุกวันนี้ดีขึ้นแล้ว อย่างไรก็ตามยังต้องกินยาต่อเนื่่อง ซึ่งค่ายาก็แพงมาก

น้องไอซ์ อารดา วงศ์ดีเลิศ

          น้องไอซ์ เล่าอีกว่า เธอไม่ได้คิดอะไรมากเรื่องที่พ่อเสียชีวิต ถือว่าเป็นเวรเป็นกรรม ไม่เคยปรับทุกข์กันเพราะไม่อยากให้ย่าเครียด โดยเมื่อเวลาเครียดตนจะเขียนระบายใส่กระดาษแล้วเผามันทิ้ง เพราะย่าเป็นคนอ่านหนังสือออก จึงไม่อยากให้ย่าเห็น หากย่ามาอ่านเจอก็จะเพิ่มเรื่องเครียดให้อีก

          ย่าน้องไอซ์ เล่าอีกว่า จะบอกว่าไม่ท้อในโชคชะตาชีวิตก็ไม่ใช่ เพราะบางครั้งเหนื่อยจนท้อ พอเห็นชีวิตคนอื่นที่สุขสบาย แต่ทำไมเราทำดี ก็ท้อแต่ไม่เคยคิดฆ่าตัวตาย ถ้าท้อวันใดก็จะแอบร้องไห้ไม่ให้หลานเห็น แต่ไม่ได้ร้องไห้บ่อย

          ย่าเล่าถึง นพ.กฤษดา ว่า ปู่ของน้องไอซ์เสียชีวิตตั้งแต่ นพ.กฤษดาอายุ 1 ขวบ 4 เดือน ที่่บ้านตนก็ไม่ได้มีฐานะดีแต่อย่างไร ตอนนั้นเข้ามากรุงเทพฯ มาหาบผลไม้ขาย ตอนเล็ก ๆ แม่หาเลี้ยง นพ.กฤษดา ตอนที่ นพ.กฤษดา บอกตนว่า จะเรียนหมอ ตนบอกว่าเรียนอย่างอื่นไม่ได้หรือ เพราะเราไม่มีเงิน แต่ นพ.กฤษดา ก็ดื้อและจะเรียนหมอให้ได้ และบอกกับตนว่า คนเราถ้าไม่มีความหวัง เราต้องมีมานะ วันหนึ่งต้องเป็นของเรา ตอนลูกเอนซ์ติดหมอชาวบ้านละแวกนั้นต่างก็มาดีใจกับตน แต่ตนกลับเป็นลมล้มตึง เหงื่อซึมไปเลย เพราะคิดว่าไม่มีเงิน กลัวลูกต้องอับอายเพราะออกจากการเรียนกลางคัน การเรียนหมอก็ใช้เงินเยอะมากโข ใช้จ่ายไปเท่าไรไม่ได้จด เมื่อลูกขอก็ให้ มีน้อยก็บอกลูก ถ้าไม่มีต้องไปขอกู้หนี้จากคนรู้จักแต่เขาไม่คิดดอกเบี้ย และก็ขายขนมกลางวัน กลางคืนส่งของที่ตลาดมหานาค สุดท้ายก็ส่งจนเรียนจบหมอ คืนหนึ่งตนจะนอนวันละ 2 ชั่วโมง หากวันไหนได้นอน 3 ชั่วโมงถือว่าเป็นบุญมาก อย่างไรก็ตาม นพ.กฤษดา ก็ได้ช่วยตัวเองด้วยการรับจ้างติวให้กับคนที่จะสอบหมอ โดยได้รับค่าจ้างชั่วโมงละ 200 บาท

น้องไอซ์ อารดา วงศ์ดีเลิศ

          อย่างไรก็ดีตนไม่ได้ไปร่วมงานรับปริญญาของ นพ.กฤษดา เพราะเธอจะรู้สึกไม่ค่อยสบายเวลามีผู้คนเยอะ ๆ แต่รูปที่ตนพกติดตัวตลอดเวลาคือรูป นพ.กฤษดา ในชุดบัณฑิตคณะแพทยศาสตร์ ซึ่งเป็นของที่รักเท่าชีวิต เพราะถ้าหายไปตนจะไม่มีอะไรที่เหลือแล้วที่เกี่ยวกับลูก นอกจากนี้ยังมีภาพครอบครัวน้องไอซ์ใบเดียวที่ยังเหลืออยู่อีกด้วย

          ย่าเล่าด้วยเสียงสะอื้นว่า หลังจากที่พ่อน้องไอซ์เสียใหม่ ๆ ก็ยังมีทรัพย์สมบัติอยู่ แต่ต้องเอาไปขายหมด เงินซื้อนมกระป๋องก็ไม่มี ต้องไปซื้อนมข้นมาให้น้องไอซ์กิน ที่ตนเล่าเรื่อง นพ.กฤษดา ให้น้องไอซ์ฟัง เพื่อให้สำนึกว่า อย่าเป็นคนเกเร ไม่ดี เพราะเชื้อสายเราไม่เคยมี ถ้าเป็นอย่างนั้นถือว่าใช้ไม่ได้ น้องไอซ์มีตัวอย่างคือพ่อที่แม้เป็นชาย และแม้ไม่มีเวลาเลี้ยงก็ยังไม่เคยข้องเกี่ยวกับยาเสพติดเลย ถ้าน้องไอซ์ที่เป็นผู้หญิงไปติดยาถือว่า ไม่ใช่เลือดเนื้อของเธอ เพราะตระกูลตนไม่เคยมี อย่างไรก็ตามตนยังอยากให้น้องไอซ์เรียนต่อ แต่อยากให้อาการป่วยของน้องไอซ์หายก่อน

          น้องไอซ์ เล่าถึงกระแสข่าวตามโซเชียลว่า ถ้าไม่มีข่าวนี้ออกมา เธอก็ต้องใช้ชีวิตไปตามมีตามเกิด มีเท่าไหนก็กินเท่านั้น อาจจะมีบ้างที่ได้รับความช่วยเหลือจากครูโรงเรียนเทศบาล 2 ซึ่งท่านเป็นรอง ผอ. ชีวิตของเธออยากเป็นครู

          ช่วงท้าย ย่าน้องไอซ์ กล่าวด้วยความตื้นตันหลังจากรับรู้ว่า พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ได้รับน้องไอซ์ เป็นนักเรียนในพระอุปถัมภ์ จนกว่าจะจบการศึกษาในระดับสูงสุด ว่า "ตนพูดไม่ออกแล้ว ขนาดเชื้อพระวงศ์ยังทรงห่วงใย เราเป็นราษฎรลำบากท่านยังห่วงใย แม้เราเป็นแค่เศษเสี้ยวธุลี"

          ส่วนน้องไอซ์ ยังยืนยันว่า จะดูแลย่าให้ดีที่สุด เท่าที่กำลังของเธอจะทำได้ สิ่งแรกที่จะให้ย่าได้คือบ้าน

ภาพจาก รายการเจาะข่าวเด่น    

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
รายการเจาะข่าวเด่น

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
น้องไอซ์ ลูกหมอที่เสียชีวิตจากช่วยคนไข้ เปิดใจชีวิตต้องสู้...เมื่อไร้พ่อ อัปเดตล่าสุด 23 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา 15:24:33 28,701 อ่าน
TOP
x close