
แก้วสรร อติโพธิ ชี้คณะสงฆ์ก่อม็อบเป็นการคุกคามกฎหมาย ยันคดีรถหรูเป็นไปตามหลักฐานไม่ได้กลั่นแกล้ง บอกนายกฯ ใช้มาตรา 44 ยุบมหาเถรสมาคมได้แต่ต้องระวังพระล็อกคอ ขอตอบให้ชัดสมเด็จช่วงเหมาะกับตำแหน่งประมุขสงฆ์อย่างไร
วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2559 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง อดีต สปช. ได้สัมภาษณ์ นายแก้วสรร อติโพธิ อดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ หรือ คตส. ถึงเรื่องปัญหาที่เกิดขึ้นกับคณะสงฆ์ขณะนี้ โดยนายแก้วสรร กล่าวว่า กลุ่มพระที่ออกมาชุมนุมที่พุทธมณฑลเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2559 นั้นมาเพื่อสนับสนุนสมเด็จช่วงให้เป็นพระสังฆราช ส่วนกรณีคดีรถหรูของสมเด็จช่วงไม่ใช่การกลั่นแกล้งของดีเอสไอ เพราะคดีนี้ได้เกิดขึ้นมาก่อน แต่เมื่อพบหลักฐานโยงถึงใครก็ต้องตรวจสอบทั้งหมด ดังนั้นจะไปหาว่าใช้กฎหมายคุกคามพระได้อย่างไร การยกขบวนออกมาบิดเบือนอย่างนี้ ชัดเจนว่า มันเป็นการสร้างม็อบเพื่อมาคุกคามเจ้าหน้าที่บ้านเมืองเพื่อช่วยเหลือพรรคพวกของตนเอง โดยหน้าด้านแอบอ้างสงฆ์เป็นส่วนรวม ไม่ใช่การออกมาบำเพ็ญธรรม เสียสละต่อสู้เพื่อรักษาพระศาสนา อย่างที่ นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำเพื่อไทย หรือนายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ออกมาขออนุโมทนาบุญยุส่งกันระงมแต่อย่างใด

เมื่อถามว่า นายกฯ สามารถที่จะใช้มาตรา 44 ยุบมหาเถรสมาคมได้หรือไม่ นายแก้วสรร กล่าวว่า ทำได้ก็เหมือนกับการยุบกระทรวง แต่หากนายกฯ มีคำสั่งยุบ อาจมีพระมากระโดดล็อกคอก็เป็นได้ อย่างไรก็ดีอำนาจอาณาจักรเป็นผู้สร้าง มส. ขึ้นมาเพื่อให้ถือพระธรรมวินัย ถ้า มส. ทิ้งธรรมในการใช้อำนาจของตน นายกฯ ก็ไม่มีหน้าที่ต้องรับรู้รับรองผูกพันด้วยเลย กฎหมายเขียนไว้ว่า ให้เสนอชื่อผู้สมควรเป็นพระสังฆราชจาก สมเด็จราชาคณะอาวุโสสูงสุดที่สามารถปฏิบัติภารกิจได้ คำถามจึงมีอยู่ว่า คำว่าสามารถปฏิบัติภารกิจพระสังฆราชได้หมายความถึงสุขภาพร่างกายเท่านั้น หรือรวมถึงสุขภาพความทรงคุณธรรมที่สงบและสว่าง เมื่อใครเห็นก็สามารถยกมือไหว้โดยปีติใจได้ด้วยหรือไม่
ทั้งนี้ มส. มีหน้าที่ต้องอธิบายถึงความทรงคุณธรรม ปราศจากมลทินใด ๆ ของผู้เหมาะสมที่จะเป็นสังฆราชด้วย อย่ามองแค่ว่า ตำแหน่งสังฆราชเป็นแค่งาน แล้วต้องหาคนสุขภาพดีมีอาวุโสสูงมาประชุมสั่งการใด ๆ ในทางปกครองคณะสงฆ์เท่านั้น แต่ต้องมีปัญญาบารมีเปล่งออกมาจากตัวท่านด้วย เพราะเมื่อเป็นงานทำนุบำรุงรักษาพระธรรมวินัย ไม่ใช่ราชการธรรมดาองค์พระสังฆราชที่เป็นต้นธารจึงต้องมีคุณธรรมเป็นความสามารถในตำแหน่งหน้าที่ด้วย ซึ่งถ้า มส. ไม่ให้ความชัดเจนตรงนี้ นายกฯ จะนำชื่อขึ้นกราบทูลไม่ได้เป็นอันขาด
เมื่อถามว่า คณะสงฆ์ชุดนี้ยกม็อบไปบีบนายกฯ ก็ต้องถือเป็นการคุกคามการใช้กฎหมายใช่หรือไม่ นายแก้วสรร ตอบว่า ใช่ ที่ถูกคณะสงฆ์ควรจะหันไปหา มส. แล้วถามว่า สมเด็จช่วงสุขภาพดีนั้นมันไม่พอ ขอให้ มส. ท่านช่วยอธิบายออกมาให้ชัดเจนด้วยว่า สมเด็จช่วงมีความทรงคุณธรรมจนเป็นความสามารถแก่ตำแหน่งสังฆราชอย่างไร ขออย่างนี้จึงจะถูกต้อง จะไปด่าว่านายกฯ เตะถ่วงไม่ได้ ซึ่งหาก มส. อธิบายออกมาได้ชัดเจนถ่องแท้แล้ว นายกฯ ก็ต้องนำขึ้นกราบบังคมทูลต่อไป ไม่มีทางบิดพลิ้วได้
ติดตามข่าวประยุทธ์ จันทร์โอชา แบบอัพเดททั้งหมด คลิกเลย
เกาะติด ข่าวพระประท้วง ทั้งหมดคลิกเลย
ภาพจาก เฟซบุ๊ก หลวงปู่พุทธะอิสระ (Buddha Isara)
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก เฟซบุ๊ก เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง