จากกรณีที่ผู้ใช้เฟซบุ๊ก บุญฑริกา กำนันป๋อม จัยสิน ได้เผยแพร่ภาพของชายคนหนึ่งที่ถูกทำร้ายร่างกาย ระบุว่าชายคนดังกล่าวมีชื่อว่า ท้าวพอนสัก ไซมนตี อายุ 29 ปี เป็นชาวลาวที่เข้ามาเยี่ยมน้องชายในประเทศไทย โดยขณะเดินทางมายังสถานี บขส.เฉลิมพระเกียรติ จ.อุบลราชธานี ได้ถูกแก๊งรถป้ายดำบังคับให้ขึ้นรถออกไปนอกเมือง และบังคับเอาเงินสดไป ก่อนจะทำร้ายร่างกายแล้วนำไปทิ้งไว้นอกเมือง ซึ่งนี่ไม่ใช่คนลาวรายแรกที่ถูกทำร้ายในลักษณะนี้ เพียงแต่ไม่มีใครกล้าแจ้งความเพราะถูกขู่ฆ่า
คืบหน้าวันนี้ (15 มีนาคม) ไบรท์ทีวี มีรายงานว่า จากการตรวจสอบบริเวณด่านถาวรช่องเม็ก ซึ่งคาดว่าเป็นจุดที่มีการถ่ายรูปชายคนดังกล่าวเผยแพร่ เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเผยว่าได้รับแจ้งเรื่องดังกล่าวจากนักท่องเที่ยวชาวลาวจริง แต่ขณะนี้ชายคนนั้นได้กลับไปประเทศลาวแล้ว
ขณะที่แหล่งข่าวเผยว่า ท้าวพอนสัก ยังได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองของ สปป.ลาว ว่าตนใช้หนังสือเดินทางเข้ามาในประเทศไทยอย่างถูกต้อง เพื่อไปเยี่ยมญาติที่กรุงเทพฯ จนในวันที่ 13 มีนาคม เวลา 15.00 น. ก็ได้ออกจากกรุงเทพฯ มาถึง บขส.เฉลิมพระเกียรติ จ.อุบลราชธานี ในเวลาประมาณ 02.30 น. วันที่ 14 มีนาคม
แต่เมื่อ ท้าวพอนสัก ได้เดินลงจากรถทัวร์ซึ่งจอดบริเวณชานชาลาขาเข้า ก็มีกลุ่มแท็กซี่ป้ายดำมาชักจูง บอกว่าจะไปส่งที่ด่านช่องเม็กในราคาเหมา แต่หลังจากรถขับออกจาก บขส. ได้ราว 3-4 กิโลเมตร ก็ปรากฏว่าอยู่ในที่เปลี่ยว จากนั้นคนขับรถที่มาด้วยกัน 2 คนก็ถามว่ามีหนังสือเดินทางหรือไม่ ซึ่งเมื่อ ท้าวพอนสัก นำให้ดูก็ถูกทร้ายและชิงเงินไป 6,000 บาท ก่อนนำตัวมาส่งก่อนถึงตู้ยามห้วยหลวง สภ.ช่องเม็ก 3 กิโลเมตร หลังจากนั้นคนขับได้โทรศัพท์เรียกรถรับจ้างมารับ ท้าวพอนสัก ไปส่งหน้าด่าน ก่อนจะข้ามฝั่งกลับไปประเทศลาว โดยไม่ได้แจ้งความดำเนินคดีกับคนร้ายเนื่องจากโดนคนร้ายขู่ว่าจะฆ่า
ขณะที่หลังมีการเผยแพร่เรื่องดังกล่าว พ.ต.ท. พงษ์ศักดิ์ วัฒหฤทัย สารวัตรตำรวจตรวจคนเข้าเมือง จ.อุบลราชธานี ได้ขอข้อมูลพร้อมประสานขอให้ทางตำรวจตรวจคนเข้าเมืองของลาว ติดตามผู้เสียหายมาแจ้งความร้องทุกข์เพื่อดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ของลาวได้รับปากจะติดตามตัวมาให้แจ้งความยัง สภ.เมืองอุบลราชธานี โดยเร็ว
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองอุบลราชธานี ยังได้ลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิด และหาข่าว ซึ่งคาดว่าจะรู้ตัวผู้ต้องสงสัยที่ก่อเหตุแล้ว อย่างไรก็ตามต้องรอให้ผู้เสียหายมาแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีก่อน
ภาพจาก brighttv
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก