

ผบ.ตร. สั่งเร่งตรวจสอบปม 3 ตำรวจรุมทำร้ายนักศึกษาพิษณุโลก ลั่นหากพบผิดจริงโดนทั้งอาญาและวินัย ไม่มีข้อยกเว้น เผยตรวจรถพบรอยกระสุน 7 รอย หนึ่งในนั้นทะลุเข้ารถ แต่ยังหาวิถีกระสุนไม่พบ
เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2559 พ.ต.อ. กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยความคืบหน้ากรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัดงานสืบสวนสถานีภูธรจังหวัดพิษณุโลก ทำร้ายนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม จนได้รับบาดเจ็บ 5 ราย และมีการสั่งย้ายตำรวจ 3 นาย พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาอีก 5 ข้อ ว่า กรณีดังกล่าว พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) สั่งให้กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 ดำเนินการให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่ายแม้คู่กรณีจะเป็นตำรวจก็ตาม จะไม่มีการเลือกปฏิบัติ ซึ่งทุกอย่างมีที่มาที่ไป มีพยานหลักฐาน เบื้องต้นเพื่อแสดงความโปร่งใส จึงมีคำสั่งให้ตำรวจ 3 นาย ออกจากราชการเอาไว้ก่อน
1. พยายามฆ่า
2. กักขังหน่วงเหนี่ยว
3. บังคับข่มขืนใจ
4. ทำร้ายร่างกายให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส
5. พกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร พร้อมตรวจสอบข้อเท็จจริง รวมถึงแจ้งข้อกล่าวหาด้วย
พ.ต.อ. กฤษณะ กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ได้ตั้งข้อหานักศึกษาในส่วนที่มีความผิดกรณีที่มีการเฉี่ยวชนรถของตำรวจแล้วหลบหนีเช่นกัน อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นในเวลากลางคืน การเก็บรวมรวมพยานหลักฐานดำเนินการมาตั้งแต่วันแรก ทุกอย่างต้องทำด้วยความรอบคอบ และขอเวลาในการดำเนินการ ส่วนกรณีที่มีผู้มองว่าควรมีมาตรการป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำร้าย หรือข่มขู่ประชาชนนั้น ส่วนตัวไม่อยากให้มองอย่างนั้น เนื่องจากต้องดูข้อเท็จจริงว่าก่อนเหตุเกิดนั้นมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นมาก่อน วันนี้ยังสอบปากคำไม่ครบ ยังไม่สามารถระบุได้ว่าฝ่ายใดเป็นฝ่ายถูก ฝ่ายใดเป็นฝ่ายผิด
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในโซเชียลมีภาพยืนยันว่านักศึกษาบาดเจ็บจากการถูกทำร้าย พ.ต.อ. กฤษณะ เปิดเผยว่า ข่าวก็คือข่าวขอเวลาประมาณต้นสัปดาห์หน้าตนจะได้ไปตรวจสอบสำนวนนี้ ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า กรณีนี้ทำให้สำนักงานตำรวจเสียหายหรือไม่ เพราะเหตุการณ์ดังกล่าวถูกวิพากษ์วิจารณ์ในโซเชียลเป็นวงกว้าง
ขณะที่ พล.ต.ต. ทรงพล วัธนะชัย รองโฆษก ตร. เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ตามกฎหมายเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องได้รับการคุ้มครองอยู่แล้ว ถ้าหากกระทำนอกกฎหมายที่กำหนดก็จะไม่ได้รับการคุ้มครอง ถ้าผิดต้องถูกดำเนินคดี ตำรวจทุกนายได้รับการฝึกตามระเบียบวินัยอยู่แล้ว เนื่องจากมีข้าราชการตำรวจจำนวนมาก ถ้าหากผู้รักษากฎหมายละเมิดกฎหมายต้องเป็นผู้ต้องหา ทุกอย่างมีหลักการมีขั้นตอนตรวจสอบทั้งระบบ แต่ถ้าสรุปแล้วนายตำรวจดังกล่าวมีความผิดทางวินัยก็ต้องถูกไล่ออกไม่มีข้อยกเว้น นิ้วร้ายต้องตัดทิ้งให้หมดตามที่ ผบ.ตร. เคยกล่าวไว้

ส่วนทางด้านเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน 6 ได้มาตรวจสอบรถยนต์ที่เกี่ยวข้องทั้ง 3 คัน เพื่อตรวจวิถีกระสุนที่ตำรวจไล่ยิง พร้อมจำลองเหตุการณ์การเฉี่ยวชนของคู่กรณี ทั้งการชนของเจ้าหน้าที่ รถนักศึกษา และเฉี่ยวชนรถประชาชน (พยาน) ที่ตามมาอีก 1 คัน โดยรถยนต์ของนักศึกษาคือ ฮอนด้าบริโอ้ สีขาว ทะเบียน กพ 3660 พิษณุโลก พบร่องรอยคล้ายกระสุนปืนบริเวณท้ายรถใกล้กับป้ายทะเบียนและกันชนหลัง จำนวน 6 รอย และทะลุเข้าไปในรถ 1 รู แต่ยังไม่สามารถตรวจหาหัวกระสุนพบ เพราะต้องรื้อภายในตรวจสอบ นอกจากนี้ ยางล้อหลังด้านขวา มีร่องรอยถูกยิง 1 รอย ยังไม่พบหัวกระสุนเช่นกัน ต้องถอดยางล้อออกจากแม็กซ์เพื่อตรวจสอบอีกครั้ง
สำหรับรถยนต์ของกลุ่มตำรวจคันก่อเหตุ คือ ฮอนด้า ซิตี้ สีขาว ทะเบียน กง 2325 พิจิตร มีร่องรอยเฉี่ยวชนทั้งกันชนหน้าด้านซ้ายและขวา ส่วนรถของพยานที่ถ่ายคลิปวิดีโอและถูกรถของตำรวจชนนั้น คือ รถยนต์เลกซัสป้ายแดง สีดำ ทะเบียน ก-5211 ปทุมธานี มีร่องรอยเฉี่ยวชนด้านท้ายขวา
ภาพจาก phitsanulokhotnews.com
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
phitsanulokhotnews.com