x close

ครูน้อย เปิดใจทั้งน้ำตา ขอโทษที่ปิดตำนานบ้านครูน้อย..สู้ค่าใช้จ่ายไม่ไหว



ครูน้อย เปิดใจทั้งน้ำตา ขอโทษที่ปิดตำนานบ้านครูน้อย..สู้ค่าใช้จ่ายไม่ไหว !!

ครูน้อย เปิดใจทั้งน้ำตา ขอโทษที่ปิดตำนานบ้านครูน้อย..สู้ค่าใช้จ่ายไม่ไหว !!


          ครูน้อย เปิดใจทั้งน้ำตา ขอโทษที่ปิดตำนานบ้านครูน้อย สู้ค่าใช้จ่ายไม่ไหว โต้ข่าวเอาเงินบริจาคไปซื้อที่-ซื้อรถ ยันส่งเด็กทุกคน แต่ยอมรับมีปัญหาหนี้สินเรื่อยมา

          กลายเป็นอีกหนึ่งประเด็นร้อนที่ถูกชาวโซเชียลพูดถึงกันมาตลอด สำหรับเรื่องราวของบ้านครูน้อย ชื่อนี้หลายคนรู้จักกันดี เพราะเป็นผู้ก่อตั้งสถานรับเลี้ยงเด็กบ้านครูน้อย เพื่อช่วยเหลือเด็กที่มีฐานะยากจนให้มีโอกาสทางการศึกษา และมีสิทธิ์ที่จะรับการศึกษาภาคบังคับเท่าเทียมกับเด็กอื่น ๆ  ซึ่งครูน้อยรับภาระค่าเช่าบ้าน เพื่อให้เด็ก ๆ ได้มีที่นอน  และหลายครั้งที่ครูน้อยประกาศว่าจะปิดบ้านครูน้อย เนื่องจากรับภาระค่าใช้จ่ายและปัญหาหนี้สินไม่ไหว แต่ก็มีหลายหน่วยงานเข้ามาคอยช่วยเหลืออยู่ตลอด
          กระทั่งล่าสุดเมื่อเวลา 11.15 น. วันที่ 9 พฤษภาคม 2559 คุณนวลน้อย ทิมกุล หรือครูน้อย ได้เดินทางมากับน้องบุ้งกี๋ เด็กที่เคยมาอยู่กับครูน้อยตั้งแต่อายุ 4 ขวบ เพื่อเปิดเผยข้อเท็จจริงในรายการปากโป้ง ทางช่อง 8 ถึงเรื่องที่ปิดบ้านครูน้อยอย่างเป็นทางการ โดยมีสาเหตุมาจากอะไรนั้นไปฟังกัน

          ครูน้อย : เปิดรับเลี้ยง จดทะเบียนอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2523 สมัยก่อนเด็กคนไหนที่อดอยาก ยากจน ก็มาขออยู่ที่นี่ แถวซอยราษฎร์บูรณะ สมัยก่อนก็มีเด็กตั้งแต่อายุ 2 ขวบ มานอนอยู่ เฉพาะเด็กชายนะ เพราะเรามีอาคารเดียว ส่วนเด็กผู้หญิงจะพักอยู่ที่ข้างนอก ซึ่งทางเราก็ส่งเรียนมาเรื่อย ส่งเรียนจนจบปริญญาตรี เราจ่ายหมด ทุกอย่างค่าเรียน ค่าขนม จนทุกวันนี้ก็มีเด็กที่เราส่งเรียนกลับมาหาบ้าง มาเป็นวาระบ้าง เพราะเด็กกำลังก่อร่างสร้างตัว มาวันแม่ วันครู วันปีใหม่ เขาก็จะมาช่วยบ้าง

เอาเงินที่ไหนไปส่งเขา ?

          ครูน้อย : ก็ที่เป็นหนี้เป็นสินจนถึงทุกวันนี้ ไปยืมเขามาบ้าง

ครูน้อย เปิดใจทั้งน้ำตา ขอโทษที่ปิดตำนานบ้านครูน้อย..สู้ค่าใช้จ่ายไม่ไหว !!

เด็กที่ครูน้อยคอยส่งเลี้ยงดูอยู่ประมาณกี่คน ?

          ครูน้อย : ครูเลี้ยงเด็กตั้งแต่ปี 2537 จนถึงปีนี้นะคะ 800 กว่าคน กินอยู่ ส่งเรียน ค่าขนม ค่าทุกอย่าง บางคนก็เรียนแค่ ป.6

ได้อะไรจากสิ่งที่ครูน้อยทำ ?

          ครูน้อย : ความสุขค่ะ ชีวิตครูเป็นชีวิตที่โหยหาความสุขให้กับคน

และครอบครัวครูน้อยไม่ว่าหรือคะที่ต้องเห็นแม่มาทำอะไรแบบนี้ แล้วก็ต้องมาเดือดร้อน ?

          ครูน้อย : ลูกครู ตอนเขาเด็ก ๆ เขาก็มาช่วยสอนหนังสือ

ความสุขของครูก็คือการที่ครูมาส่งเด็ก ๆ เรียนหนังสือ เงินที่จ่ายออกไปคือเงินของครูเองหรือ ?

          ครูน้อย : ก็เงินของสามี สามีของครูเองทำงานตลอดชีวิตเพื่อเก็บเงินไว้ให้ครูกับลูก ของครูเองก็ผลาญเงินเขาไปหมดตั้งแต่ทำบ้าน ไม่ใช่แค่เงิน สิ่งของ เครื่องใช้ แม้แต่เสื้อผ้าของสามี ครูก็เอาไปจำนำ เพื่อจะเอาเงินมาเลี้ยงเด็ก

ครูน้อย เปิดใจทั้งน้ำตา ขอโทษที่ปิดตำนานบ้านครูน้อย..สู้ค่าใช้จ่ายไม่ไหว !!

ในขณะที่ครูลำบากและเดือดร้อน สามีและลูกของครูเองว่าอย่างไรบ้าง ?

          ครูน้อย : ตอนแรกคือครูเก็บไม่บอก ไม่แพร่งพรายให้เขารู้ จนมันเป็นข่าวขึ้นมา เขาก็เลยรู้ เขารู้เขาก็สงสารครู ลูกทั้งสองคนของครูก็ไปกู้เงินมา เอาเงินมาโปะหนี้ให้แม่  อย่างเด็ก ๆ ที่มาอยู่แล้วป่วยนี่ครูรักษานะ พาไปโรงพยาบาล ค่าถุงเท้า การเงิน การเรียน ค่าเทอม ค่าหนังสือ ครูรับผิดชอบหมด

ณ วันนี้ค่าใช้จ่ายต่อเดือนของครูเดือนละเท่าไหร่ และเป็นหนี้อยู่เท่าไหร่ เป็นหนี้ใครบ้าง ??

          ครูน้อย : สองแสนบาท เด็ก 65 คน พิการ 5 คน เด็กสมองไม่ปกติ เด็กไฮเปอร์ ฯลฯ  แต่อีก 60 คนนี้ปกติ ส่งเด็กตั้งแต่อายุ 2 ขวบ ตอนนี้ส่งเด็กอนุบาล-ป.6 เพราะพอสูงกว่านั้นเขาก็หางานทำเอง ส่วนหนี้ ก็เป็นหนี้นอกระบบ คือเราไม่มีเงิน ครั้งแรกก็ยืมข้างบ้าน แต่ต่อไปเราไม่มีเงินใช้เขา เราก็เลยต้องหาเงินจากแหล่งเงินกู้ ทุกวันนี้ก็ยังมีหนี้อยู่ประมาณ 7-8 แสน ไม่คิดบ้านที่เป็นหนี้ธนาคารอีก ก็เอาบ้านไปจำนองไว้เพื่อเอาเงินมาจ่ายหนี้

ณ วันนี้ครูน้อยประกาศปิดบ้านครูน้อยแล้ว?                                                            

          ครูน้อย : ปิดแน่นอนค่ะ ถ้าไม่ปิดก็จะเกิดวงจรเก่าขึ้นมา สังคมก็จะด่าอีกว่าเงินไปไหนหมด เงินที่หมดไปก็หมดไปกับ 65 ชีวิต ก็ต้องใช้จ่าย ใช้กิน สารพัดอย่างไปทุกวัน

แล้วที่มีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งที่ให้เงินมาเคลียร์หนี้ ครูน้อยเคลียร์หมดหรือยัง

          ครูน้อย : เคลียร์แล้วค่ะ มีหลักฐานทั้งหมด เงินที่ผู้ใหญ่ให้เงินมา 5 แสนบาท ที่ท่านมาช่วย เพราะปี 2553 เราประกาศว่ามีหนี้สินเยอะ บอกว่าจะปิดแล้วไม่ไหวแล้ว

ตอนนั้นก็มีคนยื่นมือเข้ามาช่วยแล้วเงินไปไหน ?

          ครูน้อย : เงินนั้นเขายื่นมือมาช่วยใช้หนี้และก็ให้เงินที่จะทำงานต่อมา เงินมันก็เป็นวัฏจักรเพราะมันต้องกินต้องอยู่ พอมีข่าวทีคนก็จะฮือฮาช่วยที พอมีคนมาช่วยครูก็เอาเงินไปใช้หมุนเวียนในบ้าน ให้เด็กมีเงินใช้ อยู่กิน เรียนหนังสือ และก็ใช้หนี้เก่าที่ยืมมา และที่ประกาศปิดบ้านครูไม่ได้มีเจตนาที่จะต้องการให้คนมาช่วยเหลือนะ แค่อยากจะประกาศให้คนได้ทราบ ให้เด็กเก่า ๆ ที่จากไปได้ทราบว่าครูไม่ไหวแล้ว

มีคนจะเอาของมาบริจาค แล้วครูน้อยปฏิเสธ ?

          ครูน้อย : ไม่เคยค่ะ แม้แต่ของเก่า ของมือสอง ครูรับทุกอย่าง เรื่องของบริจาคที่มีคนโทรมาแล้วไม่รับ คือมันก็มีแต่อาจจะเป็นเรื่องของไอศกรีม ถ้าเป็นแต่ก่อนตอนที่ยังไม่เป็นข่าวจะมีคนเข้ามาบริจาคเยอะมาก มีแขกเข้ามาเลี้ยงตลอด และถ้าวันไหนมีแขกโทรมาอีก ครูน้อยก็จะบอกกับแขกว่าวันนี้เด็กกินแล้วนะ เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นได้ไหม เหมือนของกินมันซ้ำ เขาอาจจะเข้าใจผิดได้ว่าเขาโทรมาแต่เราไม่เอา และแขกก็จะเอาของดี ๆ มาเลี้ยง พวกสปาเกตตี ครูน้อยก็จะบอกว่าเปลี่ยนอย่างอื่นได้ไหม เพราะเด็กกินไม่เป็น

ครูน้อย เปิดใจทั้งน้ำตา ขอโทษที่ปิดตำนานบ้านครูน้อย..สู้ค่าใช้จ่ายไม่ไหว !!

ที่บอกว่าตอนที่ไม่มีข่าวมีคนเข้ามาบริจาคมากมาย แต่พอตอนมีข่าวออกไปคือกลับเป็นว่าไม่มีคนเข้ามาช่วยเหลือเลย เพราะอะไร ?

          ครูน้อย : เรื่องเงินคือที่มีข่าวว่าครูเอาเงินไปซื้อที่ ซื้อรถป้ายแดงให้ลูก ดาราทั่วฟ้าเมืองไทยแต่ก่อนไปบ้านครูหมดเลย แต่ตอนนี้ไม่มีเลย มีคุณเก๋ ชลลดา คนเดียวที่มาช่วยเรา ครั้งหนึ่งเคยมีข่าวว่าเอาเงินบริจาคไปซื้อที่ซื้อรถ ซึ่งครูไม่เคยทำแบบนั้นเลย พอมีข่าวออกไปแบบนั้นทำให้ประชาชนเสื่อมศรัทธา จนทำให้ครูไม่มีเงิน เลยเป็นที่มาของหนี้สิน

ตอนนี้บ้านครูน้อยปิดหรือยัง ?

          ครูน้อย : ปิดแล้วค่ะ แต่เด็ก ๆ ยังอยู่ รอผู้ใหญ่อยู่ คือครูต้องการให้ประชาชนคนทั่วไปทราบก่อนวันที่ 15 เพราะว่าวันที่ 16 พฤษภาคม เด็ก ๆ จะเปิดเรียน ครูไม่มีปัญญาส่งจริง ๆ ถ้ามีคนยืนยันว่ามีคนจะเข้ามาช่วยอีกก็จะปิด เพราะมันไปต่อไม่ได้จริง ๆ


ครูน้อย เปิดใจทั้งน้ำตา ขอโทษที่ปิดตำนานบ้านครูน้อย..สู้ค่าใช้จ่ายไม่ไหว !!

ตอนนี้มีผู้ใหญ่ยื่นมือมาช่วยหรือยัง อยากจะบอกอะไรกับสังคม ?

           ครูน้อย : ครูทำเรื่องยื่นไปแล้ว ตอนนี้เขาส่งเรื่องไปทางกรมกิจการเด็กและเยาวชนให้เข้ามาช่วยเหลือแล้ว รอแค่เขาจะเข้ามาดู ตอนนี้ครูคิดว่าจะขายบ้านหลังนี้ ก็อยากจะขอโทษสังคมที่ได้ช่วยเหลือเกื้อกูล ขอโทษที่ครูต้องปิดบ้าน เหตุผลคือไม่เพียงพอในการใช้จ่าย ต้องเป็นหนี้เป็นสินเขาอีก อยากจะบอกว่าสิ่งที่ท่านให้มา ช่วยเหลือเด็กทุกคนได้เต็มที่จริง ๆ แต่ครูอาจจะผิดที่ได้นำส่วนหนึ่งไปใช้หนี้บ้าง ส่งดอกบ้าง เพราะว่าเงินที่ครูไปกู้เขามาก็เอามาให้เด็ก ชีวิตครูตรวจสอบได้ว่าไม่เคยมีอะไรที่ใช้เงินของเด็กเลย นอกจากอาหารการกินที่กินด้วยกัน



ภาพและข้อมูลจาก รายการปากโป้ง

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ครูน้อย เปิดใจทั้งน้ำตา ขอโทษที่ปิดตำนานบ้านครูน้อย..สู้ค่าใช้จ่ายไม่ไหว อัปเดตล่าสุด 10 พฤษภาคม 2559 เวลา 10:33:07 81,586 อ่าน
TOP