สรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบทางอินเทอร์เน็ต
ภายหลังจากการอภิปรายเสริมสร้างความยั่งยืนของปรากฏการณ์จตุคามรามเทพ ซึ่งดำเนินการโดย นสพ.คม ชัด ลึก ร่วมกับภาคีประชาชนและนักวิชาการ ชาวนครศรีธรรมราช โดยมีประเด็นที่น่าสนใจคือแนวโน้มการถึงยุคฟองสบู่จตุคามรามเทพแตก โดยประมาณการว่าในช่วงปลายปี 2550 รวมทั้งเซียนพระเครื่องได้เรียกร้องให้เร่งหาตลาดในต่างประเทศรองรับ
นายพีรพันธ์ อาทรกานต์ อายุ 42 ปี พ่อค้ารายย่อย เปิดแผงขนาดเล็กจำหน่ายวัตถุมงคลจตุคามรามเทพ ในวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร เปิดเผยว่า วันหนึ่งๆ หากปล่อยเช่าได้ 1-2 เหรียญถือว่าโชคดีมากแล้ว และที่ปล่อยได้นั้นกำไรแค่ไม่กี่สิบบาท หรือราว 100 บาท ราคาขายไม่ถึง 500 บาท ถือว่าพอแล้วหากสูงไปกว่านี้ไม่มีใครซื้อ
"ปัญหาที่ทำให้สถานการณ์เป็นเช่นนี้ เพราะของปลอม ของเลียนแบบที่เอามาขายเป็นจำนวนมาก ยกตัวอย่างเช่น รุ่นโคตรเศรษฐี 3 องค์ 100 บาท ปล่อยให้ขายกันเกร่อ คนขายก็ไม่มีความรับผิดชอบ เชื่อว่าขณะนี้ภาวะขาลงกำลังเกิดขึ้นแล้วจริงๆ"
นายพีรพันธ์ กล่าวต่อว่า สังเกตได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของผู้ค้าในวัดพระธาตุ เดิมเป็นวัตถุมงคลล้วนๆ แต่เดี๋ยวนี้ที่เขามาซื้อเสื้อจตุคามรามเทพ เสื้อยันต์ลวดลายต่างๆ แก้วผลึกที่ยิงเลเซอร์เป็นรูปจตุคามรามเทพภายใน หรือแม้กระทั่งเดินขายวัตถุมงคลทำให้บรรยากาศในวัดกลายเป็นตลาดนัดไม่น่าดูมากขึ้น
นอกจากนี้ยังมีคนหัวใสนำเอารูปองค์จตุคามรามเทพไปเป็นเครื่องหมายการค้ายาเส้น ใน ต.เปลี่ยน อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช ใช้ชื่อตราว่า "ตราพ่อจตุคาม-รามเทพ" ออกจำหน่ายถุงละ 5 บาท โดยพิมพ์หน้าถุงว่า "ยาฉุนพิเศษ ยอดยาเส้นนคร รสหอม นุ่มนวล ชวนสูบ "ตราพ่อจตุคาม-รามเทพ" มีรูปวัตถุมงคลองค์พ่อจตุคาม-รามเทพ พิมพ์น้ำตาลแว่น รูปใหญ่อยู่บนชื่อตราด้วย ซึ่งผู้ผลิตยาเส้นยอมรับว่าสาเหตุที่ต้องใช้ตราพ่อจตุคาม-รามเทพ เพราะทำให้ยาเส้นเป็นที่นิยมและจำหน่ายได้มากกว่าเดิม และกำลังจะไปจดเป็นเครื่องหมายการค้าในเร็วๆ นี้ แถมบอกว่าการนำชื่อ พ่อจตุคาม-รามเทพ มาเป็นตราสินค้ายาเส้นไม่เห็นว่าจะเป็นเรื่องไม่เหมาะสมตรงไหน
ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง
-แห่กราบ
