(แฟ้มภาพ)
ศาลอุทธรณ์ยืนคุกตลอดชีวิต "บอล สันติภาพ" และ "เบิ้ม สุทธิพงศ์" คดีอุ้มฆ่านักธุรกิจดัง เอกยุทธ อัญชันบุตร ขณะที่ พ่อ-แม่ของบอล สันติภาพ โดนด้วย คุก 1 ปี 4 เดือน ฐานร่วมรับของโจร
สืบเนื่องจากคดีฆาตกรรม นายเอกยุทธ อัญชันบุตร นักธุรกิจชื่อดัง และเจ้าของเว็บไซต์ไทยอินไซเดอร์ ซึ่งถูกฆาตกรรมโดย นายสันติภาพ เพ็งด้วง คนขับรถ พร้อมพวก จากนั้นนำศพนายเอกยุทธไปฝังไว้ในพื้นที่ จ.พัทลุง เหตุเกิดเมื่อเดือนมิถุนายน 2556 นั้น
(แฟ้มภาพ)
ล่าสุด วันที่ 30 มิถุนายน 2559 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลอาญา นัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีฆ่า นายเอกยุทธ อัญชันบุตร โดยมีพนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 6 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องจำเลยที่ 1-6 ประกอบด้วย
- นายสันติภาพ หรือบอล เพ็งด้วง อายุ 25 ปี เป็นจำเลยที่ 1
- นายสุทธิพงศ์ หรือ เบิ้ม พิมพิสาร อายุ 30 ปี เป็นจำเลยที่ 2
- นายชวลิต หรือเชาว์ วุ่นชุม อายุ 25 ปี เป็นจำเลยที่ 3
- นายทิวากร หรือทิว เกื้อทอง อายุ 20 ปี เป็นจำเลยที่ 4
- จ.ส.อ. อิทธิพล เพ็งด้วง อายุ 53 ปี บิดาของนายสันติภาพ เป็นจำเลยที่ 5
- นางจิตอำไพ เพ็งด้วง อายุ 50 ปี มารดาของนายสันติภาพ เป็นจำเลยที่ 6
ในความผิดฐานร่วมกันซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายเพื่อปิดบังสาเหตุการตาย, ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ใช้กำลังประทุษร้ายทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายและข่มขืนใจผู้อื่นให้จำยอมกระทำการใดฯ, หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นให้ปราศจากเสรีภาพฯ, ร่วมกันปล้นทรัพย์, รับของโจร และพกพาอาวุธไปในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควรฯ รวมความผิด 8 ข้อหา
โดยคดีนี้ อัยการโจทก์ได้ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 4 กันยายน 2556 ระบุความผิดสรุปว่า ระหว่างวันที่ 6-9 มิถุนายน 2556 จำเลยที่ 1-2 (บอล-เบิ้ม) ร่วมกันมีอาวุธปืนพก พร้อมเครื่องกระสุนและอาวุธมีด ปล้นเอาทรัพย์สินของนายเอกยุทธ อัญชันบุตร อายุ 59 ปี อดีตนักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ชื่อดัง รวม 9 รายการ มูลค่า 6.6 ล้านบาท โดยใช้อาวุธทำร้ายและหน่วงเหนี่ยวกักขังบังคับให้นายเอกยุทธ ออกเช็คเบิกถอนเงิน แล้วใช้เชือกรัดคอจนนายเอกยุทธถึงแก่ความตาย ก่อนนำศพไปฝังไว้ในไร่นาสวนผสมทิ้งร้าง อ.เมือง จ.พัทลุง เพื่อปกปิดความผิด
และมีจำเลยที่ 3-4 ช่วยขุดหลุมฝังศพ ส่วนจำเลยที่ 5-6 ซึ่งเป็นบิดา-มารดาของจำเลยที่ 1 เป็นผู้เก็บเงินสดของผู้ตาย จำนวน 4,242,000 บาท ที่จำเลยที่ 1 นำไปฝากไว้ โดยจำเลยให้การปฏิเสธต่อสู้คดี
คดีนี้ศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2557 เห็นว่า พวกจำเลยกระทำผิดตามฟ้องจริง จึงพิพากษาว่า ให้ประหารชีวิตนายสันติภาพ หรือบอล และนายสุทธิพงศ์ หรือเบิ้ม จำเลยที่ 1-2 ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนฯ แต่คำให้การชั้นพิจารณาเป็นประโยชน์อยู่บ้างจึงลดโทษ เหลือจำคุกตลอดชีวิต และให้จำคุกในข้อหาร่วมกันชิงทรัพย์ อีกคนละ 18 ปี ทั้งยังมีคำสั่งให้จำเลยที่ 1-2 ร่วมกันชดใช้เงิน จำนวน 1.9 ล้านบาท ให้กับทายาทของผู้เสียชีวิตด้วย
ส่วนนายชวลิต หรือเชาว์ จำเลยที่ 3 มีความผิด ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ และร่วมกันซ่อนเร้นศพฯ ให้จำคุก 13 เดือน โดยให้รวมโทษที่รอการลงอาญาไว้ในคดีเดิมอีก 6 เดือนด้วย รวมจำคุก 19 เดือน
และนายทิวากร หรือทิว จำเลยที่ 4 ให้จำคุก 8 เดือน ฐานร่วมกันซ่อนเร้นศพฯ จำคุก 8 เดือน
ขณะที่ จ.ส.อ. อิทธิพล และนางจิตอำไพ บิดา-มารดาของนายสันติภาพ จำเลยที่ 5-6 ให้ลงโทษฐานรับของโจร แต่จำเลยรับสารภาพ และช่วยติดตามนำเงินมาคืนจำนวน 4.4 ล้านบาท จึงพิพากษาให้จำคุก 1 ปี 4 เดือน
ต่อมา จำเลยยื่นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่า แม้โจทก์จะไม่มีประจักษ์พยานมาเบิกความถึงการกระทำผิดของพวกจำเลย แต่ก็มีพยานแวดล้อมเบิกความเป็นลำดับขั้นตอน โดยเฉพาะพี่เขยของนายสันติภาพ จำเลยที่ 1 เบิกความว่านายสันติภาพกับผู้ชายอีก 1 คน มาถามหาสถานที่ฝังศพผู้ตายที่ จ.พัทลุง แม้นายสันติภาพกับนายสุทธิพงศ์ จำเลยที่ 1-2 จะให้การแตกต่างกันว่าไม่ได้เป็นผู้ลงมือฆ่าผู้ตายก็ตาม แต่การเสียชีวิตของนายเอกยุทธก็เกิดขึ้นจากการกระทำของจำเลยที่ 1-2 ซึ่งร่วมกันทำร้ายและฆ่าผู้ตายขณะที่นายเอกยุทธพยายามเปิดประตูรถตู้หลบหนี
ฉะนั้นที่ศาลล่างพิพากษาว่า จำเลยที่ 1-2 มีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนนั้น ศาลอุทธรณ์ไม่เห็นพ้องด้วย จึงพิพากษาแก้เฉพาะบทกฎหมายว่า นายสันติภาพกับนายสุทธิพงศ์ จำเลยที่ 1-2 มีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ไม่ใช่การฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน โดยให้จำคุกตลอดชีวิตจำเลยที่ 1 และ 2 พร้อมชดใช้เงินแก่ทายาทผู้ตาย จำนวน 1.9 ล้านบาท จำคุกนายชวลิต จำเลยที่ 3 เป็นเวลา 13 เดือน ส่วนนายทิวากร จำเลยที่ 4 จำคุก 8 เดือน ฐานร่วมกันซ่อนเร้นอำพรางศพ
ส่วน จ.ส.อ. อิทธิพล และ นางจิตอำไพ จำเลยที่ 5-6 บิดามารดาของนายสันติภาพ จำเลยที่ 1 ซึ่งยื่นอุทธรณ์อ้างว่า เงินของกลางที่นายสันติภาพนำมาฝากไว้เป็นเงินที่ได้จากการเล่นพนันนั้น ขัดต่อคำให้การในชั้นสอบสวน แม้จะมีพยานมาเบิกความสนับสนุน แต่ก็ไม่ได้ให้การต่อพนักงานสอบสวน เชื่อว่าเป็นการเบิกความเพื่อช่วยเหลือจำเลยที่ 5-6 ซึ่งน่าจะรู้ว่าเป็นเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิดฐานรับของโจร อุทธรณ์ของจำเลยที่ 5-6 ฟังไม่ขึ้น ที่ศาลล่างพิพากษาจำคุกคนละ 1 ปี 4 เดือนนั้นชอบแล้ว
ภาพจาก brighttv
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก