
แกะรอยคลี่ปมสำรวจจุดเกิดเหตุ บัณฑิตเกียรตินิยมอันดับ 1 เสียชีวิตปริศนาบนภูเขาทองกลางดึก ด้านตำรวจเร่งทำคดียังไม่สรุปฆ่าตัวตาย หรือ ฆาตกรรม แม่เริ่มทำใจลูกชายอาจตัดสินใจปลิดชีพตนเอง หลังเห็นภาพวงจรปิด
จากกรณีนายนราวุฒิ พวงเกษร อายุ 28 ปี บัณฑิตเกียรตินิยมอันดับ 1 คณะบริหารธุรกิจ ม.กรุงเทพ เสียชีวิตอย่างปริศนา ในพื้นที่บริเวณภูเขาทองช่วงทางลงไปสักการะวิหารหลวงพ่อโต วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร ซึ่งจนถึงขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็ยังไม่ฟันธงสาเหตุการตายว่าเกิดจากการฆาตกรรม หรือจากการฆ่าตัวตายเอง เพราะจากคำบอกเล่าของคนรู้จักระบุว่าผู้ตายมีโลกส่วนตัวสูง ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบจุดเกิดเหตุและเก็บหลักฐานต่าง ๆ ทั้งหมดอย่างละเอียดทั้งคราบเลือด ลายนิ้วมือแฝงบนระฆัง จำลองพฤติกรรมที่เกิดขึ้น และตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดของผู้ตายขณะเดินในลักษณะจงกลมบริเวณ หอระฆัง พร้อมทำท่าเหมือนนกบิน ขณะที่แม่ชีซึ่งเป็นพยานในที่เกิดเหตุการณ์ได้ยินเสียงกรีดร้อง และเสียงระฆังดังขึ้นเป็นจังหวะตามที่ปรากฎเป็นข่าวไปแล้วนั้น
จากนั้นแม่ชี ได้พาผู้สื่อข่าวเดินสำรวจชี้จุดที่นายนราวุฒิ ขึ้นมากราบสักการะหลวงพ่อโตเป็นจุดแรกหลังจากเดินขึ้นบันไดย้อนขึ้นมาบริเวณ ทางลง ก่อนจะพาเดินขึ้นชี้เส้นทางที่นายนราวุฒิ เดินขึ้นไปผ่านรูปปั้นตำนานแร้งวัดสระเกศ ก่อนจะเดินย้อนขึ้นไปจนถึงลานหอระฆังฝั่งทางลง พร้อมชี้ระฆังที่การสอบสวนเบื้องต้นสันนิษฐานว่าผู้ตายใช้หัวโขกจนเสียงดัง และจุดที่ผู้ตายกระโดดลงมาจนบาดเจ็บ
นอกจากนี้ แม่ชี้ยังเล่าให้ทีมข่าวฟังอีกว่า ก่อนหน้านี้เมื่อหลายปีที่แล้วที่จุดเดียวกันนี้เคยเกิดลักษณะคล้าย ๆ กันมาก่อน โดยมีผู้ชายคนหนึ่งปีนขึ้นไปที่หลังคาและกระโดดลงมาเสียชีวิตในจุดเดียวกับ ที่นายนราวุฒิ กระโดดลงมา และที่ผ่านมาพื้นที่ดังกล่าวเคยเกิดเหตุมีผู้ฆ่าตัวตายมาแล้วหลายครั้ง ซึ่งชาวบ้านในพื้นที่ต่างเชื่อว่าเป็นการหาตัวตายตัวแทนของวิญญานในที่แห่ง นี้เพื่อจะได้สามารถไปผุดไปเกิดได้
สำหรับความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวนคดีล่าสุดนั้น พล.ต.ต.ทรงพล วัธนะชัย ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 ระบุว่า ขณะนี้จากการสืบสวนนั้นทางเจ้าหน้าที่ให้น้ำหนักไปที่ปมการฆ่าตัวตาย แต่ก็ยังไม่ได้ตัดประเด็นอื่นทิ้ง เนื่องจากต้องผลการทางนิติเวชยืนยันการตรวจสารต่าง ๆ ในร่างกายอีกครั้ง เพื่อประกอบการพิจารณาถึงสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงคาดว่าจะทราบผลภายใน 2 อาทิตย์ พร้อมกำลังเร่งสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งบิดา เพื่อนสนิทของผู้เสียชีวิต ว่าผู้ตายมีปัญหาหรือปมอะไรหรือไม่
ส่วนกรณีที่พบว่าผู้เสียชีวิตโพสต์เฟซบุ๊กว่า หากรู้วันสุดท้ายของชีวิต จะขอพรวิเศษอะไรนั้น ตำรวจอาจนำมาประกอบการพิจารณาสาเหตุของการเสียชีวิต ซึ่งทางมารดาของผู้เสียชีวิตเองได้เห็นข้อความดังกล่าวแล้ว ประกอบกับหลังเห็นพฤติกรรมของลูกชายจากกล้องวงจรปิด ก็เริ่มทำใจและมองว่ามีแนวโน้มเป็นไปได้ที่บุตรชายจะฆ่าตัวตาย