วันนี้ (18 มกราคม 2560) เวลา 14.00 น. ณ ห้องประชุมชั้น 4 อาคารบริษัท ขนส่ง จำกัด นายพิชิต อัคราทิตย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วยนายสมศักดิ์ ห่มม่วง รองปลัดกระทรวงคมนาคม, ผู้แทนจากกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม.2 รอ.), กรมการขนส่งทางบก, บริษัท ขนส่ง จำกัด, ตำรวจ และกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงการสร้างความเชื่อมั่นในการเดินทางด้วยรถโดยสารสาธารณะ ด้วยการกำหนดมาตรการตรวจเข้มความพร้อมของรถโดยสารสาธารณะและคนขับรถตาม Checklist ที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด เริ่มดำเนินการพร้อมกันทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 24 มกราคม 2560 เป็นต้นไป ที่สถานีขนส่งและจุดจอดรถโดยสารทั่วประเทศ นอกเหนือจากการตรวจตามปกติซึ่งดำเนินการต่อเนื่องตลอดปี พร้อมกันนี้ได้ตรวจสอบความคืบหน้าการติดตั้ง GPS Tracking และเชื่อมโยงข้อมูลกับศูนย์บริหารการเดินรถด้วยระบบ GPS ของกรมการขนส่งทางบก ในรถตู้โดยสาร
นายพิชิต อัคราทิตย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการเพิ่มความเชื่อมั่นในการเดินทางให้กับประชาชนที่ใช้บริการรถโดยสารสาธารณะตั้งแต่ต้นทาง ระหว่างทาง จนถึงจุดหมายปลายทาง โดยเจ้าหน้าที่จะเข้มงวดตรวจสอบความพร้อมของรถและคนขับตาม Checklist ภายใต้มาตรฐานความปลอดภัยเดียวกันทั่วประเทศ
หากพบพนักงานขับรถมีสภาพไม่พร้อมหรือมีความผิด จะดำเนินการลงโทษขั้นสูงสุด ทั้งปรับ พักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับรถ และผู้ประกอบการต้องเปลี่ยนพนักงานขับรถทันที และหากรถโดยสารมีสภาพไม่พร้อมเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ จะสั่งห้ามใช้รถและต้องนำไปแก้ไขข้อบกพร่องทันที รวมทั้งผู้ประกอบการจะต้องหารถแทนไม่ให้ผู้โดยสารตกค้าง
สำหรับรถตู้โดยสารในต่างจังหวัดที่ยังไม่เข้าสถานีขนส่ง ให้แต่ละจังหวัดดำเนินมาตรการเข้มงวดให้เข้าใช้สถานีขนส่งผู้โดยสารเป็นจุดรับ-ส่งเช่นเดียวกับในส่วนกลาง หรือหากมีการใช้พื้นที่อื่นให้จัดทำบัญชีสถานที่ดังกล่าวไว้เป็นสถานีขนส่งผู้โดยสารชั่วคราว ซึ่งบริเวณจุดจอดดังกล่าวต้องมีมาตรฐานความปลอดภัย มาตรการดูแลอำนวยความสะดวก เช่นเดียวกับที่สถานีขนส่งผู้โดยสาร
ด้านนายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของมาตรการคุมเข้มพฤติกรรมการขับขี่ กำหนดให้รถตู้โดยสารสาธารณะร่วมบริการกับบริษัท ขนส่ง จำกัด ที่มีเส้นทางวิ่งกรุงเทพฯ ต่างจังหวัด ต้องติดตั้ง GPS Tracking แบบ Realtime Online ควบคู่กับการติดตั้งเครื่องบ่งชี้พนักงานขับรถ (เครื่องรูดใบขับขี่แสดงตัวตนพนักงานขับรถ) ในรถทุกคัน ทุกเส้นทาง และเชื่อมโยงข้อมูลกับศูนย์บริหารจัดการเดินรถด้วยระบบ GPS อย่างสมบูรณ์ ภายในวันที่ 31 มีนาคม 2560 ซึ่งจะเร็วกว่ากำหนดเดิมที่ให้ติดตั้งแล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้
ทั้งนี้เพื่อเป็นไปตามนโยบายเร่งด่วนของกระทรวงคมนาคมที่ต้องการสร้างความเชื่อมั่นและเพื่อการควบคุมดูแลความปลอดภัยในการใช้บริการรถโดยสารสาธารณะ คาดว่าจะช่วยลดการสูญเสียจากอุบัติเหตุได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยเฉพาะกลุ่มรถตู้โดยสารสาธารณะที่พบว่ามีพฤติกรรมการใช้ความเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด
อีกทั้งยังออกแบบระบบให้สามารถบริหารจัดการแบบมีส่วนร่วมทั้งกรมการขนส่งทางบก ผู้ประกอบการ เจ้าของรถ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงผู้โดยสารและประชาชนทั่วไป ผ่าน application DLT GPS ทางโทรศัพท์มือถือ ซึ่งจะแสดงผลข้อมูลของรถเช่นเดียวกันกับข้อมูลที่แสดงผลในศูนย์บริหารจัดการเดินรถด้วยระบบ GPS ของกรมการขนส่งทางบก และศูนย์ GPS ขนส่งจังหวัดทั่วประเทศ
ภาพจาก กรมการขนส่งทางบก