
ส่องดูความจริงเกี่ยวกับ "พระธัมมชโย" ทำอย่างไรถึงสร้างอาณาจักรธรรมกาย จนยิ่งใหญ่ได้ถึงขนาดนี้ กับเส้นทางสู่การโน้มน้าวผู้ศรัทธา
นับเป็นเรื่องราวที่ตกอยู่ในความสนใจของสังคมไทยเสมอมา สำหรับกรณีวัดพระธรรมกาย ซึ่งเป็นที่ทราบดีว่ามีผู้ที่รักและศรัทธาจำนวนมาก แม้แต่ในยามที่เจ้าหน้าที่ดีเอสไอนำกำลังเข้าตรวจค้นและติดตามหาตัว พระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ก็ยังมีกลุ่มพระภิกษุและเหล่าศิษยานุศิษย์จำนวนมากที่แห่แหนเข้ามา กระทั่งเกิดเหตุปะทะกับเจ้าหน้าที่บ่อยครั้ง
จากสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้หลายคนเกิดคำถามในใจ ว่าเหตุใดวัดพระธรรมกายจึงมีผู้ที่รักและศรัทธามากขนาดนี้ อีกทั้งที่ผ่านมายังมีกระแสข่าวที่ว่าด้วยการทำบุญบริจาคเงินแก่ทางวัดที่ทำให้บางคนถึงขั้นขายบ้านและที่ดินเพื่อนำเงินมหาศาลมาทำบุญ บริจาคเข้าวัดอย่างไม่คิดเสียดาย เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น และเหตุใดวัดพระธรรมกายจึงได้ยิ่งใหญ่ดังเช่นทุกวันนี้
โดยจากรายงานของ ช่วงหมายข่าว ทางช่อง new)tv 18 ซึ่งออกอากาศไปในช่วงเดือนมิถุนายน 2559 เปิดเผยว่า ความศักดิ์สิทธิ์ของ พระธัมมชโย เกิดขึ้นจากการที่ตัวพระธัมมชโยนั้นเป็นนักเล่าเรื่องชั้นยอด มีการใช้น้ำเสียง ท่วงท่า และพิธีการอันผสมผสานมาใช้ประโยชน์อย่างแยบยล สร้างต้นทุนความศักดิ์สิทธิ์โดยการเล่าว่า พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) หรือหลวงพ่อวัดปากน้ำ มาจากต้นธาตุต้นธรรม มาเกิดเพื่อปราบมาร ทั้งยังเป็นผู้ตามพระธัมมชโยลงมาเกิด โดยไม่ได้มาเปิดแบบผู้หมดบุญ แต่เป็นผู้ที่มีบุญเหลือเฟือสมัครใจมาเกิดเอง เพื่อจะรับภารกิจต่อจากพระมงคลเทพมุนี ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นการผูกตัวเองเข้ากับการเป็นผู้มีอิทธิฤทธิ์อภินิหาร มีการเล่าเรื่องแม่ชีปัดระเบิดช่วงสงครามโลก ทั้งยังเล่าเรื่องภพภูมิต่าง ๆ ในสวรรค์และนรก
มีการแสดงถึงญาณพิเศษของตัวเองผ่านการตอบคำถามว่า "ใครตายแล้วไปไหน เป็นอยู่อย่างไร" เน้นย้ำว่าการทำบุญกับวัดพระธรรมกายแล้วจะได้สั่งสมบุญ จะรวย และได้ขึ้นสวรรค์ ย้ำว่าห้ามเสียดายเงินทำบุญ ห้ามกังวลกับรายจ่ายในอนาคต แถมหากคนที่ตายไปบุญไม่พอ เมื่อญาติมาทำบุญที่วัดเพิ่ม ตัวคนตายก็จะได้ย้ายไปอยู่ในสวรรค์ชั้นที่ "ไฮโซ" ขึ้น

ด้าน นายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีต สปช. เคยกล่าวไว้ว่า พระธัมมชโยนั้นอวดว่าตนเองมีคุณวิเศษโดยที่ไม่มี เพื่อหวังว่าจะได้ลาภยศและสรรเสริญ
นอกจากนี้ยังมีการจัดสร้างรูปหล่อทองคำ พระมงคลเทพมุนี มาให้ผู้ศรัทธาได้บูชา มีการจัดสร้างพระธรรมกายประจำตัว มหาธรรมกายเจดีย์ มีการชักชวน หว่านล้อม กระตุ้นเร้า และนำคำว่า "ชิตังเม" มาใช้ราวกับเป็นสโลแกนในการระดมเงินบริจาค ทั้งที่คำว่า ชิตังเม แปลว่า "เราชนะแล้ว" ซึ่งแก่นแท้ตามพระพุทธศาสนาคือการชนะกิเลส ละซึ่งโลภ หลง มิใช่ระดมเงินบริจาคเพื่อสร้างวัตถุ
อีกทั้งกิจกรรมของวัดยังถูกออกแบบมาอย่างจงใจให้มีสีสัน ตื่นตาตื่นใจ ให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตน ให้ดึงดูดผู้คนเหมือนการสร้างแบรนด์ทางการตลาดอีกด้วย








