
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าผลงานประติมากรรมชิ้นเยี่ยมที่ถูกยกให้เป็นผลงานในดวงใจของคนไทยอีกชิ้นหนึ่งคงหนีไม่พ้น "ประติมากรรมแสงเงา" ที่ปรากฏเป็นพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ออกแบบโดย ดร.บุรินทร์ ธราวิจิตรกุล และ อาจารย์กานต์ คำแก้ว อาจารย์คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่วมกับคณาจารย์ภายในคณะสร้างขึ้น

และอีกหนึ่งผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของประติมากรรมชิ้นนี้ก็คือ อาจารย์ลอย ชุนพงษ์ทอง ผู้เชี่ยวชาญทางด้านคณิตศาสตร์และดาราศาสตร์ ที่เข้ามาร่วมแก้ปัญหาในเรื่องการคำนวณ "องศาของภาพ" มุมตกกระทบของเงาให้มีความสมบูรณ์มากที่สุด เรียกได้ว่าเป็นการนำความรู้ทางด้านคณิตศาสตร์มาใช้ได้จริง


อาจารย์ลอย ชุนพงษ์ทอง นอกจากจะเชี่ยวชาญในดาราศาสตร์คำนวณแล้ว ยังเป็นวิศวกรระดับโลก มีตำแหน่งหน้าที่สำคัญทั้งในประเทศไทยและในต่างประเทศ
โดยในต่างประเทศ อาจารย์ลอยทำงานเป็นประธานตัดสินงานวิจัยที่จะลงตีพิมพ์ในวารสารวิชาการทางวิศวกรรมศาสตร์ (Engineering Journal) ที่เก่าแก่ของโลกฉบับหนึ่ง มีศาสตราจารย์ทำหน้าที่เป็นผู้ตรวจสอบกว่า 20 คน ซึ่งอาจารย์ลอยเป็นประธานตัดสินชี้ขาดว่าจะให้ตีพิมพ์หรือไม่ นั่นหมายถึงอนาคตของนักวิจัยที่จบปริญญาเอก หรือขอเลื่อนตำแหน่งเป็นศาสตราจารย์ในหลายมหาวิทยาลัย
สำหรับหน้าที่การงานในประเทศไทย อาจารย์ลอยทำงานเป็นที่ปรึกษาการคำนวณเชิงดาราศาสตร์ของปฏิทินจันทรคติ ของสำนักพระราชวัง กว่า 20 ปี เป็นผู้ทรงคุณวุฒิสหวิทยาการ แห่งราชบัณฑิตยสภา
เฉพาะผลงานที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิชาการของราชบัณฑิตสภา ซึ่งเป็นวารสารทางวิชาการสูงส่งที่สุดของไทย ไม่ต่ำกว่า 15 ฉบับ ถือว่ามีผลงานที่ได้รับการตีพิมพ์มากที่สุดในวารสารราชบัณฑิตยสภา
นอกจากนี้ ยังผลิตผลงานทางวิศวกรรมศาสตร์เหมืองแร่ เศรษฐศาสตร์วิศวกรรม คณิตศาสตร์ประยุกต์ ภาษาศาสตร์ รวมทั้งเป็นเจ้าของสิทธิบัตรการประดิษฐ์นานาชาติ
ถ้าจะขนานนามว่า "ลอย ชุนพงษ์ทอง" เป็น "สหวิทยาบัณฑิต" ตัวจริงก็คงได้ !

อาจารย์ลอย เล่าว่า งานที่ตนเองได้มาช่วยในครั้งนี้เกี่ยวข้องกับเรื่อง "เงาของแสงอาทิตย์" ที่แสดงให้เห็นเป็นพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวง รัชกาลที่ 9 ดังที่มีการแชร์ในโลกออนไลน์

"โปรเจคท์อกาลิโก เริ่มต้นจาก ดร.บุรินทร์ ธราวิจิตรกุล และ อาจารย์กานต์ คำแก้ว แรงบันดาลใจคือต้องการสร้างประติมากรรมที่เป็นอนุสรณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ส่วนชื่อ อกาลิโก แปลว่า ไร้กาลเวลา หมายถึง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 อยู่ในใจของเราชั่วนิจนิรันดร์ เช่นเดียวกับคำสอนของพระพุทธเจ้าที่เป็น อกาลิโก ในตอนนั้นผมไปบรรยายที่ จ.เชียงใหม่ ในเรื่องของคณิตศาสตร์และดาราศาสตร์อยู่แล้ว และได้รับเกียรติให้ไปช่วย" อาจารย์ลอย เผย

พระพักตร์ปรากฏสมบูรณ์ 15.52 น.
นักวิชาการระดับอินเตอร์ท่านนี้ เล่าด้วยว่า ปัญหาที่พบจะเกี่ยวกับ "ฤดูกาล" ส่งผลให้พระพักตร์ของพระองค์ท่านจะก้มต่ำลงมาก
เนื่องจากในแต่ละวันตำแหน่งของพระอาทิตย์ไม่คงที่
และช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นไปสูงสุดก็คือช่วงวันที่ 21 มิถุนายน พระพักตร์จะก้มต่ำที่สุดทำให้ดูแล้วไม่สวย
ประกอบกับตนเองได้เขียนโปรแกรมที่คล้ายกับการคำนวณในลักษณะนี้ไว้หลายโปรแกรมทำให้ใช้เวลาไม่มากในการปรับแก้ โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ซึ่งได้นำไปคำนวณในคอมพิวเตอร์แทนการคำนวณด้วยมือ
เมื่อปรับแก้เสร็จแล้วจะมองเห็นพระพักตร์ของในหลวง รัชกาลที่ 9 ปรากฏออกมาอย่างสวยงาม และจะงดงามสมบูรณ์ที่สุดในเวลา 15.52 น. ซึ่งตรงกับเวลาที่พระองค์เสด็จสวรรคต
"คนที่ควรได้รับเกียรติมากที่สุดก็คือ ทีมงานของ ดร.บุรินทร์ กับ อาจารย์กานต์ ส่วนตนนั้นเป็นผู้ที่เข้ามาปรับแก้ภายหลัง" อาจารย์ลอย กล่าว


ในตอนนี้ อาจารย์ยังมีโปรเจคท์อีก 1 ชิ้นที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน คือ นาฬิกาแดดแบบปรับแก้ในตัวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี
มีจุดเด่นคือ สามารถดูเวลาได้เหมือนนาฬิกาสมัยใหม่
ต่างจากนาฬิกาแดดปกติทั่วไปที่ต้องใช้การปรับแก้ 2 ตัวที่ได้สร้างจากการคำนวณทางคณิตศาสตร์ขั้นสูง
"สิ่งที่ผมอยากฝากไว้ก็คือ การเรียนคณิตศาสตร์ไม่ใช่เรียนแล้วไม่สามารถนำไปใช้ประโยชน์อะไรได้อย่างที่หลายคนพูดว่า แค่เรียน บวก ลบ คูณ หารก็พอ ส่วนเรื่องตรีโกณมิติ หรือเรื่องอะไรที่ซับซ้อนไม่ต้องไปเรียน คือเหมาะสำหรับงานที่รายได้น้อย ๆ
"หากใครที่อยากเงินเดือนสูง ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน เป็นนักวิทยาศาสตร์ เป็นวิศวกรที่ประสบความสำเร็จ ก็ต้องเรียนให้มันลึกซึ้ง และผลงานนี้ก็เป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ว่า คณิตศาสตร์สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง มีประโยชน์ถึงขนาดที่หาตำแหน่งของดวงอาทิตย์ ดวงดาว และนี่เป็นแค่ตัวอย่างเล็ก ๆ เท่านั้นเอง" อาจารย์ลอย กล่าว

อย่าศึกษาแค่เอาไว้ทำข้อสอบ
อาจารย์ลอย กล่าวต่อว่า ในต่างประเทศมีความต้องการคนเก่งเรื่องคณิตศาสตร์ เพราะคนเก่งเรื่องนี้มีน้อยและมีรายได้ดีมาก ยกตัวอย่างคนมีความรู้เรื่องคณิตศาสตร์ ม.ต้น จะมีรายได้ขั้นต่ำ ประมาณชั่วโมงละ 300 บาท
แต่หากอยากมีรายได้ชั่วโมงละ 3,000 บาท หรือเดือนละ 4-5 แสนบาท ก็ต้องเก่งคณิตศาสตร์แบบที่คนอื่นทำไม่ได้
"การเรียนคณิตศาสตร์ไม่ควรเรียนเพื่อทำข้อสอบอย่างเดียว แต่ควรเรียนเพื่อวัตถุประสงค์ในการนำไปใช้งานจริงแล้วมันใช้งานได้เยอะ ทั้งทางตรงและทางอ้อม การเขียนโปรแกรมก็เป็นส่วนหนึ่งจากความรู้ทางคณิตศาสตร์ แล้วคนที่มีความรู้ทางคณิตศาสตร์ดี รายได้ก็จะดีมาก ๆ โดยเฉพาะในต่างประเทศ การเรียนคณิตศาสตร์ไม่ใช่ยาขมอย่างที่หลายคนเข้าใจ ถ้าเรียนด้วยความเข้าใจและความสนุกก็จะเห็นประโยชน์และสามารถนำไปต่อยอดได้" อาจารย์ลอย ทิ้งท้าย


รวมข่าว ในหลวง รัชกาลที่ 9 หลังเสด็จสวรรคต
สำหรับผู้ที่สนใจผลงานทางดาราศาสตร์และปฏิทิน ของอาจารย์ลอย
ติดตามเพิ่มเติมได้จากเฟซบุ๊ก ความรู้ดาราศาสตร์ฟากฟ้า
ส่วนผลงานอื่น ๆ ไปที่เพจ LC's honors & contributions