พระสนิทวงศ์ แจงผู้ป่วยไม่ได้เสียชีวิตก่อน 5 ชั่วโมง จี้รัฐบาลรับผิดชอบทำช่วยล่าช้าเพราะมาตรา 44 ด้านหน่วยกู้ชีพแจง ไม่ได้ติดด่านใด ๆ แต่ได้ข้อมูลคลาดเคลื่อน
กรณีการเสียชีวิตของนางสาวพัฒนา เชียงแรง พยาบาลศูนย์รัตนเวช ของวัดพระธรรมกาย ซึ่งมีอาการป่วยหอบหืดถูกระบุว่า รถพยาบาลไปถึงช้าจนเกินไป จนทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิต ก่อนจะกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า สาเหตุที่ช่วยชีวิตไว้ไม่ได้ เพราะการควบคุมพื้นที่ตามมาตรา 44 จริงหรือไม่นั้น (อ่านข่าว : ศพที่ 2 เซ่นมาตรา 44 ธรรมกาย เผยผู้ป่วยหอบหืดเสียชีวิต เหตุกู้ชีพติดด่านเจ้าหน้าที่)
เรื่องดังกล่าว พระสนิทวงศ์ วุฑฒิวังโส ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย ได้นำหลักฐานและลำดับเหตุการณ์ในการให้ความช่วยเหลือ นางสาวพัฒนา โดยยืนยันว่าผู้ป่วยไม่ได้เสียชีวิตก่อน 5 ชั่วโมง หรือ 09.00 น. ของวันที่ 1 มีนาคม 2560 ตามที่ พล.ท. สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกรัฐบาลให้สัมภาษณ์ เพราะผู้ตายได้ส่งข้อความขอความช่วยเหลือจากเพื่อนตอนเวลา 11.29 น. ขณะที่เพื่อนได้ออกมาขอความช่วยเหลือที่ด่านทหาร เวลา 11.35-11.50 น แต่เจ้าหน้าที่ให้รอถามดีเอสไอ ก่อนที่สุดท้ายจะไปถึงที่เกิดเหตุเวลา 12.30-12.40 น. พบว่านางสาวพัฒนา เสียชีวิตแล้ว ดังนั้นวัดพระธรรมกายจึงยืนยันว่าการเสียชีวิตนี้เป็นผลกระทบการใช้มาตรา 44 ที่มีการตั้งด่าน และการติดต่อโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตล่าช้า จึงขอให้รัฐบาลแสดงความผิดชอบกับการสูญเสียที่เกิดขึ้นด้วย
ด้านนายวิทยา โพธิ์หลวง หัวหน้าศูนย์สั่งการเฉพาะกิจหน่วยกู้ชีพ หน้า สภ.คลองหลวง เผยว่า ได้รับแจ้งเหตุตอน 12.10 น. จากนั้นก็ใช้รถของป่อเต็กตึ๊งและร่วมกตัญญู ไปเข้าทางประตู 7 ตามที่ตกลงกันกับทางวัด ก่อนจะเจอกับเจ้าหน้าที่ของวัดและได้ข้อมูลว่าคนไข้อยู่ด้านนอกวัด จึงพากันไปที่จุดเกิดเหตุเวลา 12.30 น. แต่ระหว่างที่ขับรถนั้นไม่ได้มีการติดด่านของเจ้าหน้าที่ใด ๆ
ขณะเดียวกัน พ.ต.ต. วรณัน ศรีล้ำ รองโฆษกดีเอสไอ ยืนยันว่า การเสียชีวิตของนางสาวพัฒนา เจ้าหน้าที่ได้ช่วยเหลืออย่างทันทีแล้ว โดยข้อมูลของพระสนิทวงศ์ทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนไปในทางที่ไม่ดี อาจจะเข้าข่ายความผิดฐานยุยงปลุกปั่นให้เกิดความไม่สงบในบ้านเมือง พร้อมยืนยันว่าเจ้าหน้าที่เสียใจกับการเสียชีวิตเช่นเดียวกัน จึงขอให้รอผลการชันสูตรทางแพทย์มายืนยันข้อเท็จจริงต่อไป
ภาพและข้อมูลจาก
AMARIN TVHD, เฟซบุ๊ก Phra Sanitwong Charoenrattawong