ตำรวจรับลูกดีเอสไอ จับพระสนิทวงศ์ ใช้เฟซบุ๊กบิดเบือนข่าวสาร ยุยง ปลุกปั่น ชี้หากยังไม่มารับทราบข้อหาต้องออกหมายจับ ยันที่ผ่านมาใช้การขอความร่วมมือแต่กลับไม่ได้รับความร่วมมือ วันที่ 3 มีนาคม 2560 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
พ.ต.อ. กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงความคืบหน้าการค้น
วัดพระธรรมกาย และดำเนินการกับ
พระสนิทวงศ์ วุฑฒิวังโส ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร
วัดพระธรรมกาย หลังไม่มารายงานตัวตามคำสั่ง คสช. และใช้โซเชียลบิดเบือนข่าวสาร ยุยง ปลุกปั่น ว่า
ตนได้รับทราบจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ว่าถ้าเจ้าหน้าที่พบเห็นให้ดำเนินการจับกุมตามอำนาจหน้าที่ได้เลย พร้อมกับให้สำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) นำตัวมารับทราบข้อกล่าวหาในฐานะที่ปกครองคณะสงฆ์ มาตรการตรงนี้มีความชัดเจนอยู่แล้ว ซึ่งการทำงานเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุดจึงต้องอาศัยความร่วมมือกับหน่วยงานอื่นโดยเฉพาะสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.)
สำหรับ
พระสนิทวงศ์ นอกจากจะถูกดำเนินคดีข้อหาไม่มารายงานตัวตามคำสั่ง คสช. แล้ว
ยังมีข้อหาการยุยงปลุกปั่น หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา มีความผิดตาม
พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ด้วย เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายตามกรอบกฎหมาย
ถ้ายังไม่มารับทราบข้อกล่าวหา มาตรการต่อไปคือ "ออกหมายจับ"
ที่ผ่านมาใช้การเจรจาเป็นหลัก
แต่เมื่อใช้ไม่ได้ผลก็ต้องมีบังคับใช้กฎหมายเด็ดขาด
ส่วนกรณีที่พระสนิทวงศ์นำภาพและไลน์ของหญิงเสียชีวิตด้วยปอดติดเชื้อ
ออกมาเผยแพร่ในโลกโซเชียล พนักงานสอบสวนกำลังตรวจข้อมูลว่ามีความผิดหรือไม่
พ.ต.อ. กฤษณะ ระบุอีกว่า
เจ้าหน้าที่ตำรวจจะยกเลิกการตรวจค้นวัดพระธรรมกายเมื่อไหร่นั้น
ขึ้นอยู่กับดีเอสไอ ตำรวจเป็นเพียงหน่วยสนับสนุนกำลัง
และป้องกันเหตุแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้นบริเวณโดยรอบวัดพระธรรมกาย
ขณะนี้ยังคงกำลังไว้อยู่
ส่วนจะมีการลดหรือจะเพิ่มกำลังทุกอย่างขึ้นอยู่กับสถานการณ์แต่ละวัน
และไม่สามารถประเมินได้ว่าสถานการณ์จะยืดเยื้อยาวนานแค่ไหน
คงไม่มีใครอยากให้สถานการณ์ยาวนาน ถ้าพระธัมมชโยมอบตัวก็จบ
สื่อก็ถามแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจเมื่อไหร่จะจบ อยากให้ไปถามพระธัมมชโย
ท่านทำให้คนเดือดร้อนมามากแล้ว ส่วนคำสั่ง คสช. ให้พระ
14 รูป มารายงานตัวนั้น ทราบว่ามีเข้ามาบางส่วน
ส่วนตลาดกลางคลองหลวงยังไม่มีการคืนพื้นที่ เนื่องจากเป็นพื้นที่ควบคุม
ซึ่งเรื่องนี้ดีเอสไอจะเป็นผู้กำหนด
ตำรวจก็ตรึงกำลังบริเวณโดยรอบเพื่อรักษาความปลอดภัย
สำหรับการป้องกันเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นหลังจากมีชายปีนขึ้นไปบนเสาไฟฟ้าแล้วผูกคอเสียชีวิตนั้น
ได้สั่งการให้เฝ้าระวังอย่างเต็มที่ ในบางครั้งก็อาจจะเป็นเหตุสุดวิสัย
เรื่องปัจเจกบุคคล เจ้าหน้าที่ระวังเต็มที่ไม่ให้เกิดเหตุรายวัน
ภาพจาก
ทวิตเตอร์ @pungpondnews