ทนายความ ระบุ คดี เดียร์ ลูกชายโหน่ง อ้างสุดวิสัยไม่ได้ แม้ขับมาในทางเอก แต่ความเร็วเกิน รับอีกฝ่ายก็ผิดเช่นกัน ชี้ผลตัดสินต้องให้ศาลชั่งน้ำหนัก จากกรณีอุบัติเหตุที่ นายกิตติภูมิ เอี่ยมสุข หรือ เดียร์ ลูกชายโหน่ง ชะชะช่า ซึ่งขับรถบีเอ็มดับเบิลยู ชนกับรถยนต์มิตซูบิชิ แลนเซอร์ บริเวณถนนรังสิต-นครนายก เป็นเหตุให้ นายพรพิชิต นฤนาทมนตรี อายุ 47 ปี เสียชีวิตคารถยนต์ เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2560 อย่างไรก็ดี ทางตำรวจยังไม่ได้แจ้งข้อหา หลัง นายกิตติภูมิ ยังมีอาการบาดเจ็บอยู่นั้น (อ่านข่าว : ลูกชายโหน่ง ยังไม่โดนแจ้งข้อหา เหตุยังรักษาตัว-ตำรวจลงพื้นที่หาหลักฐานเพิ่ม)
จากคดีนี้ วันที่ 23 มีนาคม 2560 นายเกิดผล แก้วเกิด
ทนายความและนักฎหมายอิสระ ได้ให้ความเห็นผ่าน เดลินิวส์ออนไลน์ ระบุว่า
หากพิจารณาตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 การกลับรถบริเวณทางร่วม-ทางแยก
เมื่อผู้ขับอยู่ในจุดที่เป็นเขตปลอดภัย ควรหยุดรถเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่า
ไม่มีรถทางตรงแล่นผ่านมา ถึงจะกลับรถข้ามไปได้
และไม่ควรกลับรถอย่างกะทันหัน ไม่ว่าจะเป็นช่วงกลางวันหรือกลางคืน
ซึ่งเมื่อมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นจะมีความผิดฐานประมาท
แต่กรณีดังกล่าวคู่กรณีถึงแก่ความตาย จึงเป็นเหตุให้คดีอาญาระงับ
ซึ่งจะเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
![คดี เดียร์ ลูกชายโหน่ง คดี เดียร์ ลูกชายโหน่ง]()
นายเกิดผล ระบุอีกว่า ในมุมของ นายกิตติภูมิ
อุบัติเหตุนี้ดูเป็นเหตุสุดวิสัยจริง
แต่ในทางกฎหมายไม่สามารถอ้างว่าไม่มีทางเลือก
เพราะกฎหมายกำหนดให้รถวิ่งบนทางหลวงชนบทได้ไม่เกิน 80-90
กิโลเมตรต่อชั่วโมง จริงอยู่ที่ นายกิตติภูมิ ขับรถมาในทางตรง หรือทางเอก
ที่สามารถขับผ่านไปก่อน แต่ก็ต้องระมัดระวังด้วยเช่นกัน
เพราะหากขับมาเมื่อถึงทางร่วม-ทางแยกนั้นจะต้องหยุดรถให้ได้ในระยะไม่น้อยกว่า
150 เมตร โดยความผิดคงไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน
ขึ้นอยู่ที่ดุลยพินิจของศาลจะพิจารณาว่า ใครขับประมาทมากกว่า
ภาพจาก
ThaiCh8 : ช่อง 8,
TV Headman