x close

สื่อดัง AP ตีข่าว บอส ทายาทกระทิงแดง ชนแล้วหนี 5 ปี คดีไม่คืบ แถมใช้ชีวิตหรูหรา


บอส วรยุทธ อยู่วิทยา

          สำนักข่าวเอพี จัดทำบทวิเคราะห์ พร้อมตีข่าว บอส วรยุทธ อยู่วิทยา ชนตำรวจแล้วหนี ผ่านมาเกือบ 5 ปี คดีล่าช้า อัยการไม่ยอมสั่งฟ้อง ตัวอย่างของความอยุติธรรมในสังคมไทย

          เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2560 สำนักข่าวเอพี ได้จัดทำบทวิเคราะห์คดีของ บอส หรือนายวรยุทธ อยู่วิทยา ลูกชายของนายเฉลิม อยู่วิทยา ผู้บริหารกระทิงแดง จากกรณีที่นายวรยุทธซิ่งรถหรูเฟอร์รารี่ไปชนเข้ากับรถมอเตอร์ไซค์ของ ด.ต. วิเชียร กลั่นประเสริฐ ผบ.หมู่ ป. สน.ทองหล่อ จนกลายเป็นคดีดังเมื่อปี พ.ศ. 2555 จนถึงตอนนี้ เป็นเวลาผ่านมากว่า 5 ปีแล้ว แต่คดีนี้ยังไม่คืบหน้า ในขณะที่บอสเอง กลับใช้ชีวิตหรูหราฟู่ฟ่า ซื้อรถยนต์หรูพร้อมป้ายราคาแพงในต่างประเทศ
          ทั้งนี้ ย้อนกลับไปเมื่อปี 2555 บอส หรือนายวรยุทธ อยู่วิทยา ได้ซิ่งรถหรูเฟอร์รารี่ไปบนถนนสุขุมวิท ก่อนที่จะชนเข้ากับรถจักรยานยนต์ของ ด.ต. วิเชียร ทว่านายวรยุทธเองไม่หยุดรถ เขากลับพยายามเร่งเครื่องหนีและลากศพของ ด.ต. วิเชียร ไปตามถนน พร้อมกับทิ้งร่องรอยน้ำมันเบรก ที่ทำให้สาวไปจนถึงบ้านของนายวรยุทธได้ถึงที่สุด

บอส วรยุทธ อยู่วิทยา

          ภายหลังจากที่ชนได้ไม่นาน ตำรวจสอบสวนกลับมองว่า โชเฟอร์ของตระกูลอยู่วิทยา คือ ผู้กระทำความผิด แต่เมื่อตำรวจระดับสูงได้ลงมาทำคดีนี้เอง นายวรยุทธก็ได้เข้ามอบตัวพร้อมกับวางเงินประกันตัว 15,000 บาท ก่อนที่จะกลับบ้าน และภายหลังจากที่เกิดเหตุ นายวรยุทธและคุณแม่ก็ได้มาร่วมงานศพของ ด.ต. วิเชียร ซึ่งภายหลังครอบครัวอยู่วิทยาได้ออกมาเผยว่า การที่นายวรยุทธขับรถชนแล้วเร่งเครื่องหนีออกมานั้น ไม่ใช่ว่าเขาต้องการที่จะหลบหนี แต่เป็นเพราะเขาต้องการกลับบ้านเพื่อมาบอกคุณพ่อ และจากการตรวจแอลกอฮอล์ในเลือดพบว่า นายวรยุทธมีระดับแอลกอฮอล์เกินมาตรฐาน ซึ่งทนายได้ออกมาบอกว่า นายวรยุทธเองเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาจึงต้องดื่มเพื่อคลายเครียด

บอส วรยุทธ อยู่วิทยา

          อย่างไรก็ตาม คดีนี้ได้ผ่านมาเป็นเกือบ 5 ปีแล้ว แต่อัยการก็ยังไม่สั่งฟ้องนายวรยุทธ และเมื่อครั้งที่ตำรวจเรียกนายวรยุทธไปรับทราบข้อกล่าวหา เขาก็กลับไม่ไปปรากฏตัว โดยยื่นเรื่องให้ทนายความไปดำเนินคดีแทนว่า ในตอนนั้นเขาเองป่วยและไปทำงานที่ต่างประเทศ และภายในปีนี้ คดีเรื่องชนแล้วหนีของนายวรยุทธจะหมดอายุความลงแล้ว

           หลายคนอาจจะคิดว่า ในระหว่างนี้ นายวรยุทธได้หลบซ่อนตัวในต่างประเทศ และใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย แต่ความจริงไม่เป็นเช่นนั้น เพราะเพียงไม่กี่สัปดาห์ภายหลังจากที่เกิดอุบัติเหตุ นักข่าวของเอพีได้สืบทราบว่า นายวรยุทธได้กลับไปใช้ชีวิตหรูหราฟู่ฟ่าตามเดิม เขาเดินทางไปทั่วโลกด้วยเครื่องบินเจ็ทสุดหรู เข้าร่วมชมการแข่งขันรถยนต์สูตร 1 ฟอร์มูล่า วัน จากที่นั่งวีไอพีของกระทิงแดง รวมทั้งยังเป็นเจ้าของรถยนต์ปอร์เช่ คาร์เรร่า ในลอนดอน ที่มาพร้อมกับแผ่นป้ายทะเบียนสั่งทำพิเศษคือ  B055 RBR หรืออ่านว่า บอส เรดบูลเรสซิ่ง

บอส วรยุทธ อยู่วิทยา

           นอกจากนี้ เพียง 3 เดือนหลังจากที่เกิดเหตุ นายวรยุทธได้ปรากฏตัวในงาน Red Bull Singha Race of Champions ที่จัดขึ้นที่ กทม. เขาเองใส่หมวกกระทิงแดงและล้อมรอบไปด้วยญาติและเพื่อน  ๆ พร้อมกับห้อยป้าย วีไอพี บนคอ

           อีกทั้งยังมีภาพบนเฟซบุ๊กและอินสตาแกรม รวมถึงบล็อกที่เกี่ยวกับการแข่งรถต่าง ๆ ที่เผยให้เห็นภาพของนายวรยุทธที่เดินทางไปรอบโลกถึง 9 ประเทศ นับตั้งแต่ ด.ต. วิเชียร เสียชีวิต มีทั้งสวนสนุก แฮร์รี่ พอตเตอร์ ในเมืองโอซาก้า ที่นายวรยุทธใส่เสื้อคลุมของบ้านสลิธีรีน เขาได้ไปล่องเรือที่ประเทศโมนาโค เล่นสโนว์บอร์ดที่ญี่ปุ่น ฉลองงานวันเกิดที่ร้านอาหารสุดหรูของเชฟดังอย่าง กอร์ดอน แรมเซย์ (Gordon Ramsay) ในกรุงลอนดอน และแม้เขาจะตั้งค่าความเป็นส่วนตัวบนโซเชียลมีเดีย แต่ก็มีเพื่อน ๆ แท็กไป @bossrbr กว่า 60 ครั้ง อย่างฤดูร้อนปีที่แล้ว นายวรยุทธได้โพสต์คลิปสั้น 10 วินาที ในขณะที่เขากำลังกินไส้กรอกและไข่ที่โรยหน้าด้วยสาหร่าย แท็กไปหาเพื่อน ๆ และครอบครัว ซึ่งพ่อแม่ของเขาได้เข้ามายกนิ้วในคอมเมนต์ หรือแม้กระทั่งภาพของเขาที่แช่น้ำในเมืองอาบูดาบี ดินเนอร์ที่เมืองนีซ ประเทศฝรั่งเศส เป็นเจ้าของจักรยานราคาหลายแสนบาท ซึ่งมาจากเงินถุงเงินถังของครอบครัว

           และไม่เพียงเท่านั้น เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นายวรยุทธ และครอบครัวได้ไปพักผ่อนที่เมืองหลวงพระบาง ประเทศลาว และพักในรีสอร์ทสุดหรูคืนละเกือบ 35,000 บาท ดินเนอร์ที่โรงแรมชั้นนำ ไปเยี่ยมชมวัดและจัดงานปาร์ตี้ริมสระน้ำก่อนที่จะบินกลับกรุงเทพมหานคร

           ด้านนักวิเคราะห์มองว่า คดีลูกกระทิงแดงนี้ เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของคนรวยที่ได้รับอภิสิทธิ์ในสังคมไทย แม้ว่ารัฐบาลจะประกาศทำสงครามกับการคอร์รัปชัน และให้คำมั่นสัญญาว่าจะทำให้สังคมไทยเป็นสังคมที่ดีและลดความเหลื่อมล้ำให้ได้มากที่สุด ทว่า เมื่อเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนแล้วเหยื่อไม่ได้รับความยุติธรรมนั้น กลับเป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงความอยุติธรรมและความเหลื่อมล้ำในสังคมไทย ลูกเศรษฐีที่กระทำความผิด มักจะได้รับโทษที่เบากว่าประชาชนคนไทยทั่วไป

           ขณะที่ นายคริส เบคเกอร์ นักประวัติศาสตร์ชาวอังกฤษที่มีภรรยาชาวไทย ได้ออกมายอมรับว่า เขาไม่แปลกใจเลยที่ว่าทำไมคดีนี้จึงล่าช้า และอัยการไม่ยอมสั่งฟ้องนายวรยุทธ เพราะในสังคมไทยได้ก่อกำเนิดวัฒนธรรมที่ว่า หากผู้ที่กระทำผิดเป็นคนรวยและมีอำนาจ พวกเขาก็มักจะรอดจากการลงโทษเมื่อกระทำผิดเกือบทุกครั้งไป เรื่องนี้เกิดขึ้นบ่อย ๆ เกิดขึ้นเสมอ และกลายเป็นสิ่งที่สังคมยอมรับในขณะนี้


           ก่อนหน้านี้ พล.ต.ท. คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้ออกมายืนยันว่า เราจะไม่ปล่อยให้นายตำรวจต้องตายโดยที่ไม่ได้รับความยุติธรรม จะต้องมีการค้นหาความจริงให้ถึงที่สุด ผมขอยืนยัน แต่เมื่อ พล.ต.ท. คำรณวิทย์ ได้เกษียณอายุราชการเมื่อปี 2557 และคดีนี้ยังคืบหน้าไม่ถึงไหน พล.ต.ท. คำรณวิทย์ กลับออกมาบอกว่า เขารู้สึกผิดหวังเป็นอย่างยิ่ง

           ด้านครอบครัวของ ด.ต. วิเชียร ได้พบกับทนายของนายวรยุทธ พร้อมกับมีการชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 1 แสนบาท แลกกับการเซ็นสัญญาว่าจะไม่มีการฟ้องร้องดำเนินคดี ซึ่งถือเป็นช่องโหว่ของกฎหมายไทยที่ว่า หากเจ้าทุกข์ไม่ดำเนินคดี เจ้าหน้าที่ตำรวจและอัยการก็ไม่สามารถดำเนินเรื่องนี้ได้ ซึ่งจนกระทั่งถึงตอนนี้ ทางครอบครัวเองก็ยังไม่แตะต้องเงิน 1 แสนบาทนั้น และบอกว่า เงินนี้เป็น "เงินเปื้อนเลือด"

           ด้านพันตำรวจโท กฤษณะ พัฒนเจริญ  รองโฆษก ตร. กล่าวว่า ทางสำนักงานตำรวจเองได้ทำทุกวิถีทางเพื่อนที่แจ้งข้อกล่าวหาและฟ้องร้องดำเนินคดีกับนายวรยุทธ และยืนยันให้นายวรยุทธเข้ามารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 30 มีนาคม 2560

           "ผมไม่ได้บอกว่า ลูกเศรษฐีจะรอดคดีนี้ ผมไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้ แต่สิ่งที่ผมจะได้ตอบได้ก็คือ หากคุณดูดี ๆ คุณจะเห็นว่า ตำรวจที่เป็นเจ้าของคดีนี้ไม่ได้ทำคดีตกหล่นบกพร่องเลยสักนิดเดียว"

           นายวรยุทธและพี่น้องของเขาคือ น้องชายที่ชื่อ ปอร์เช่ และน้องสาวที่ชื่อ แชมเปญ เติบโตขึ้นมาในครอบครัวเศรษฐีที่ทรัพย์สินของครอบครัวได้เปลี่ยนจากหลักล้านเป็นหลักพันล้านหลังจากที่กระทิงแดงได้ขยายกิจการ นายวรยุทธเข้าเรียนที่ Bradfield College โรงเรียนประจำเก่าแก่ของแคว้นเบิร์กเชียร์ในประเทศอังกฤษ ที่ซึ่งนักเรียนจะใส่เสื้อสูทและผูกเนคไทให้สมฐานะ โรงเรียนแห่งนี้มีค่าเทอมแพงหูฉี่ ปีละ 1.3 ล้านบาท ซึ่งครอบครัวคนรวยในประเทศไทยก็มักจะส่งลูกมาเรียนที่นี่

           ในขณะที่ ด.ต. วิเชียร กลั่นประเสริฐ เป็นลูกคนที่ 3 จากพี่น้อง 5 คน ด.ต. วิเชียร มาจากครอบครัวของชาวสวนที่ทำไร่มะพร้าวและปาล์ม ด้วยความมุ่งมั่นและทะเยอทะยาน ด.ต. วิเชียร ได้ทิ้งท้องไร่ท้องนา มาแสวงหางานที่มั่นคงในเมือง เขาเป็นคนแรกในครอบครัวที่ได้รับราชการและเรียนจบสูง ด.ต. วิเชียร ได้ส่งเสียดูแลพ่อแม่จนกระทั่งท่านเสียชีวิต และช่วยเหลือน้องสาวที่ป่วยด้วยโรคมะเร็ง แม้ว่า ด.ต. วิเชียร จะไม่มีลูก แต่ ด.ต. วิเชียร เองก็ตั้งใจว่าจะส่งเสียลูกของน้องชายให้ได้รับการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย และบอกว่าจะให้หลานเป็นคนคอยดูแลเมื่อยามแก่เฒ่า

ภาพจาก ไทยพีบีเอส


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
สื่อดัง AP ตีข่าว บอส ทายาทกระทิงแดง ชนแล้วหนี 5 ปี คดีไม่คืบ แถมใช้ชีวิตหรูหรา อัปเดตล่าสุด 29 มีนาคม 2560 เวลา 14:48:28 34,550 อ่าน
TOP