
เทียบให้ดูกันชัด ๆ วิธีการจัดการคนทะลักออกจากสนาม หลังเกิดดราม่าคอนเสิร์ต Coldplay งานเริ่มช้า-รถน้อย-แท็กซี่เรียกราคาเหมา ตี 2 ครึ่ง คนยังโบกรถกันมือขวิด
คอนเสิร์ตระเบิดโลกของวงชื่อดัง Coldplay : A head full of dream tour ที่ได้กลับมาเยือนเมืองไทยในรอบ 14 ปี นอกจากจะสร้างความประทับใจให้กับผู้ชม ทั้งในเรื่องแสง สี เสียง และการเล่นคอนเสิร์ตของทางวง ที่จัดได้ว่าตระการตา สนุกสนาน ขนโปรดักชั่นสุดอลังการและทำออกมาได้ไม่แพ้ชาติอื่น ๆ แต่ถึงกระนั้น ก็ยังมีดราม่าตามมาแบบไม่หยุดหย่อน ทั้งเรื่องการจัดการตั๋ว ที่คนซื้อที่นั่ง กลับไม่ได้นั่ง ต้องยืนดูตลอดการแสดง
"ผู้ชมหลายหมื่นคนออกมาพร้อมกัน แต่ระบบขนส่งมีทางเลือกน้อยมาก
1. รถประจำทางมีแต่คนแน่นมากและมีไม่กี่สายเพราะดึกแล้วเริ่มไม่มีรถวิ่ง
2. แท็กซี่ที่ไม่กดมิเตอร์ เรียกแต่ราคาเหมา
3. มอไซค์รับจ้างที่เรียกราคาแพงมาก"

ทั้งนี้ เพจโตแล้วจะไปญี่ปุ่นกี่ครั้งก็ได้ ได้เปรียบเทียบวิธีการจัดการของญี่ปุ่น เมื่อครั้งที่ทางแอดมินของเพจ ได้ไปชมฟุตบอลระหว่างทีมชาติไทย และทีมชาติญี่ปุ่น ที่สนาม Saitama Stadium โดยหลังจากที่จบการแข่งขันแล้ว ผู้คนกว่า 59,000 คน ได้ออกจากสนามพร้อมกัน โดยบริเวณหน้าสนาม จะมีรถประจำทางขนาดใหญ่ ที่มารอรับคนเพื่อออกไปจากสนาม หรือห่างออกจากสนามประมาณ 2 กิโลเมตร ก็มีบริการรถไฟฟ้า เพื่อขนส่งคนจำนวนมากได้ และคนญี่ปุ่นจะเดินตามกันไปอย่างเป็นระเบียบ ไม่เดินขึ้นฝั่งที่เป็นทางลง ค่อย ๆ ไหลตามกันไปเรื่อย
"คนญี่ปุ่นเตรียมพร้อมและจัดการดีมาก การมีรถประจำทางมารอรับเป็นร้อยคัน เพื่อรับและกระจายคนออกจากสนาม คือการจัดการที่ไม่เคยเห็นในเมืองไทยเมื่อมีการจัดงานแบบนี้
เมื่อคืนคอนเสิร์ต Coldplay ผมเห็นคนต่างชาติที่มาชมคอนเสิร์ตแต่ออกมาต้องเจอความเลวของแท็กซี่แล้วรับไม่ได้จริง ๆ แท็กซี่เรียกเหมาทุกคัน ตลกร้ายของนักท่องเที่ยวสุด ๆ อย่าว่าแต่นักท่องเที่ยวเลย คนไทยก็โดนเหมาเหมือนกัน"
เรื่องนี้ได้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ถึงการจัดการด้านการขนส่งมวลชนของผู้จัด ที่แม้ว่าทางผู้จัด จะแนะนำให้ผู้ชมใช้ขนส่งสาธารณะ เข้ามาชมในงาน ทว่าเมื่อถึงเวลาเลิกงาน กลับไม่มีระบบการจัดการที่ดีพอ เวลาในการเริ่มเล่นคอนเสิร์ตดึกเกินไป จนทำให้เมื่อถึงเวลาเลิกคอนเสิร์ต ระบบขนส่งมวลชนส่วนใหญ่ก็หยุดให้บริการไปหมดแล้ว และถึงกับมีคนบอกว่า ขนาดเวลาตี 2 ครึ่ง ยังมีคนตกค้างที่สนามมหาศาลเหมือนเดิม





ภาพจาก Twitter @ccenn_, เฟซบุ๊ก Pimrapat Seesomya, เฟซบุ๊ก Maria Cynthia Ayu Pratiwi, เฟซบุ๊ก โตแล้วจะไปญี่ปุ่นกี่ครั้งก็ได้, Twitter @mindcreator






