
โฆษกกระทรวงทรัพยากรฯ เผยผลสำเร็จจากนโยบายหยุดยั้งการรุกพื้นที่ป่าในจังหวัดน่านตามแนวทางรัฐบาล โดยจากการตรวจสอบข้อมูลและภาพถ่ายดาวเทียม พบว่า ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาสามารถทวงคืนผืนป่าได้กว่า 20,000 ไร่ พร้อมกันนั้นยังเดินหน้าดึงชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมอนุรักษ์ฟื้นฟูป่า รวมถึงป่าต้นน้ำ และเดินหน้าปรับเปลี่ยนเอาพืชเกษตรชนิดอื่น ๆ เข้าไปปลูกแทนข้าวโพด เพื่อป้องกันการโค่นไม้ทำลายป่าจนเกิดสภาพเขาหัวโล้น
- ทส.เผย ทวงคืนพื้นที่ป่า "น่าน" ได้นับหมื่นไร่
เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2560 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายประลอง ดำรงค์ไทย โฆษกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แถลงถึงความคืบหน้าการแก้ปัญหาบุกรุกพื้นที่ป่าในภาคเหนือ ว่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เล็งเห็นถึงปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่าในจังหวัดน่าน จึงมอบหมายให้กรมป่าไม้ และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ร่วมกันตรวจสอบพื้นที่ป่าไม้ในพื้นที่จังหวัดน่าน ซึ่งผลจากการเดินหน้านโยบายหยุดยั้งการรุกพื้นที่ป่าอย่างต่อเนื่องตามแนวทางรัฐบาล คสช. พบว่า สามารถทวงคืนพื้นที่ป่าได้นับหมื่นไร่
นายประลอง เผยว่า สำหรับวิธีการตรวจสอบได้นำเทคโนโลยีสารสนเทศในการใช้การแปลภาพถ่ายดาวเทียมไทยโชตมาตรวจสอบสภาพพื้นที่ป่า พบว่า ตั้งแต่ปี 2557 มาจนถึงปัจจุบัน อัตราการลดลงของพื้นที่ป่าในจังหวัดน่าน เฉลี่ยเหลือเพียงปีละ 345 ไร่ จากก่อนหน้าปี 2557 พื้นที่เคยถูกบุกรุกกว่า ปีละ 74,000ไร่ (ข้อมูลพบว่าปี 2551 จังหวัดน่านมีพื้นที่ป่า 5,103,550 ไร่ ปี 2557 มีพื้นที่ป่า 4,659,641 ไร่ ปี 2559 มีพื้นที่ป่า 4,658,605 ไร่) เนื่องจากนโยบายการหยุดยั้งการบุกรุกพื้นที่ป่าของรัฐบาล คสช. ที่เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานบูรณาการการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะจังหวัดน่าน สามารถทวงคืนพื้นที่ป่าได้กว่า 20,040 ไร่
นายประลอง ระบุว่า ผลสำเร็จในการทวงคืนพื้นที่ป่าดังกล่าว เกิดจากการทำงานบูรณาการร่วมกันของทุกภาคส่วน รวมถึงกระทรวงมหาดไทย (มท.), กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กษ.), กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) มุ่งจัดการป่าต้นน้ำเสื่อมสภาพบนพื้นที่สูงชัน โดยเน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานใช้หลักแก้ไขปัญหารูปแบบ "ประชารัฐ" ลงไปสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับข้าราชการและประชาชน รวมทั้งกลุ่มต่างๆ ที่เกี่ยวข้องใน จ.น่าน ให้เข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาบุกรุกตัดไม้ทำลายป่า ให้ร่วมกันฟื้นฟูภายใต้ยุทธศาสตร์การดำเนินการ 7 ข้อ อันประกอบด้วย
1. การสร้างความเข้าใจทุกภาคส่วน (มท.)
2. การจัดระเบียบคนและพื้นที่ (ทส.)
3. การป้องกันและรักษาป่า (ทส.)
4. การฟื้นฟูระบบนิเวศ (ทส.)
5. การพัฒนาและส่งเสริมอาชีพ (กษ.)
6. การสร้างองค์รู้ในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ (ศธ.)
7. การส่งเสริมการมีส่วนร่วมทุกภาคส่วน (มท.)
- 4 กระทรวงลุยแก้ "โค่นต้นไม้ปลูกข้าวโพด"
โฆษก ทส. กล่าวต่อว่า นอกจากนั้น การแก้ไขปัญหาปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของกลุ่มเกษตรกรในเขตป่าของจังหวัดน่าน ได้ประชุมและประสานความร่วมมือในการแก้ไขปัญหา ระหว่าง 4 หน่วยงาน ได้แก่ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ กระทรวงเกษตรฯ กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงมหาดไทย ในการปรับแก้พืชเกษตรที่จะมาทดแทนข้าวโพด โดยน้อมนำศาสตร์พระราชาในเรื่องของการ "ปลูกไม้ 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง" มาใช้ในการดำเนินการ พร้อมกันนี้กระทรวงทรัพยากรฯ โดยกรมป่าไม้ยังประชุมร่วมกับกระทรวงเกษตรฯ เพื่อเลือกชนิดพืชเกษตรที่เหมาะสมกับพื้นที่ อีกทั้งมีการหารือเรื่องการลดการใช้สารเคมี และการนำรูปแบบวนเกษตรมาใช้
จากการแก้ไขปัญหาดังกล่าวข้างต้น ในส่วนของกระทรวงทรัพยากรฯ ได้จัดตั้งศูนย์ฟื้นฟูป่าต้นน้ำเพื่อฟื้นฟู ดูแลรักษาและแก้ไขปัญหาชุมชนที่อาศัยอยู่ในและรอบพื้นที่ป่า เพื่อให้คนอยู่กับป่าอย่างยั่งยืน โดยในพื้นที่จังหวัดน่านมีศูนย์ดังกล่าว จำนวน 8 ศูนย์ โดยแต่ละศูนย์ฯ ก็จะไปจัดตั้งฐานปฏิบัติการเพื่อฟื้นฟูป่าต้นน้ำ ซึ่งฐานฯ ดังกล่าวจะไปตั้งอยู่บนยอดเนิน ครอบคลุมพื้นที่ ที่ถูกบุกรุก เพื่อหยุดยั้งการบุกรุกทำลายป่าทั้งหมดโดยจะมี เจ้าหน้าที่ของกรมป่าไม้และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ไปประจำอยู่ ณ ฐานฯ ดังกล่าว เช่น ศูนย์ฟื้นฟูป่าต้นน้ำ ตำบลป่าแลวหลวง อำเภอสันติสุข
- ดึงชุมชนน่านร่วมรักษาป่า
ทั้งนี้ มีการแบ่งเขตพื้นที่เพื่อการจัดการ รวมทั้งจัดประชุมชี้แจงทำความเข้าใจกับราษฎรในพื้นที่ในการดูแลรักษาป่า การจัดตั้งป่าชุมชน การฟื้นฟูพื้นที่ป่าในลุ่มน้ำ 1, 2 ในรูปแบบวนประชารัฐ พื้นที่ลุ่มน้ำ 3, 4, 5 มีการจัดคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) เพื่อส่งเสริมราษฎรทำกินในพื้นที่ในรูปแบบวนเกษตร การปลูกป่าเศรษฐกิจ และมีการนำรูปแบบโครงการสร้างป่าสร้างรายได้มาขยายผล
- เดินหน้าแผนจัดที่ดินทำกิน
นายประลอง โฆษก ทส. แถลงต่อถึงการจัดที่ดินทำกินให้กับชุมชนในพื้นที่จังหวัดน่าน 7.58 ล้านไร่ ซึ่งมีพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติที่เสื่อมสภาพ 1,435,604 ไร่ แบ่งเป็น 1) ป่าเสื่อมสภาพในพื้นที่ลุ่มน้ำ 1,2 จำนวน 917,995 ไร่ 2) ป่าเสื่อมสภาพในพื้นที่ลุ่มน้ำ 3,4,5 จำนวน 517,609 ไร่ ว่า พื้นที่ป่าเสื่อมสภาพดังกล่าวสามารถดำเนินการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล ภายใต้คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) ได้จำนวน 139,344 ไร่ โดยดำเนินการไปแล้ว 46,596 ไร่
สำหรับส่วนที่เหลือ พลเอก สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรี ทส. สั่งการให้กปม. เร่งดำเนินการอย่างเสมอภาคและไม่เลือกปฏิบัติตามแนวทางคณะกรรมการ คทช. ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าว บางพื้นที่ก็ดำเนินการตามคำสั่ง คสช. ที่ 66/2557 ลงวันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2557
"ขณะนี้ทางกรมป่าไม้ได้เสนอร่างกรอบการนำนโยบายไปปฏิบัติ เพื่อแก้ไขปัญหาที่ดินในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติในภาพรวมเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างยั่งยืน โดยเป็นการดำเนินงานในรูปแบบวนประชารัฐ ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างสามัคคีปรองดอง กระทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ป.ย.ป.ท.ส) เพื่อนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี ซึ่งเมื่อคณะรัฐมนตรีเห็นชอบกรอบนโยบายดังกล่าว จะส่งผลให้กรมป่าไม้สามารถดำเนินการแก้ไขปัญหาการปลูกพืชเชิงเดี่ยว และการแก้ไขปัญหาเรื่องที่ดินทำกินในพื้นที่สูงชันได้อย่างชัดเจนและเห็นผลเป็นรูปธรรมต่อไป" โฆษก ทส. กล่าว