"ถ้าไม่มีเวทีแห่งความฝันนี้ ผมก็ไม่รู้ความจริงว่าคนกรุงเทพไม่น่ากลัวอย่างที่คิด" บางคำพูด "ปอ-ปานเวทย์ ไสยคล้าย" หนุ่มหาดใหญ่ จ.สงขลา
ที่ได้รับการคัดเลือก "นักล่าฝัน" ขวัญใจคนปักษ์ใต้ในซีซั่น 1 ครั้งนั้น เพื่อมาเป็นหนึ่งนักล่าฝัน 12 คน ชิงเดอะ วินเนอร์ และเขาทำได้แค่ติดรอบสุดท้าย 1 ใน 5 แต่โชว์ผลงานเพลงกระหึ่มในอินดอร์สเตเดี่ยม หัวหมาก แต่เขาไม่สามารถที่ "คว้าดวงดาว" มาได้ก็ตาม
นับจากคืนนั้นมา ท่ามกลางแฟนๆร่วมครึ่งหมื่น ที่แห่มาชม "คอนเสิร์ต" วีคสุดท้าย ส่งผลให้ชื่อ "ปอ-ปานเวทย์" หนุ่มนิรมานจากแดนปักษ์ใต้ เริ่มแจ้งเกิดบนเวที "ยูบีซี อะคาเดมี แฟนเทเชีย" จากนั้น เงิน-ชื่อเสียงตามมาไม่ขาดมือ
หลังจากนั้นความฝัน "ปอ" เป็นจริง เนื่องจาก "ค่ายเพลงดัง" ย่านอโศกได้ร่วมจับมือเซ็นสัญญาเพื่อบริหาร "ศิลปิน" ต่อจากบยูบีซี 5 ปีในยุคนั้น โดยมีเป้าหมายเพื่อปั้นศิลปินเข้าสังกัด ซึ่งยอมรับว่า 1-2 ปีทีแรกนั้น "ปอ" ยังพอมีงานเพลงข้ามาให้ทำบ้างประปราย แต่ไม่ได้มีงานมากมายเหมือน "เพื่อนนักล่าฝัน" บางคนอย่าง "ออฟ-ปองศักดิ์ รัตนพงษ์" เป็นต้น เช่นเดียวเพื่อนๆนักล่าฝันคนอื่นๆ
แน่นอน "ปอ" มีความความฝันตั้งแต่วันแรก อย่างวันที่เขา "หอบกีตาร์" มาจากต่างจังหวัดขึ้นตึกขึ้นทิปโก้ (สำนักงานทรู วิชั่นส์) ครั้งแรก ดูเหมือนว่าแววตา "ปอ" งงมากเห็นตึกใหญ่โต มีรถตู้มารับทำงาน ไปไหนมาไหนมาแฟนคลับขอลายเซ็น จนทำตัวไม่ถูก แน่นอนบนโลกถนนสายมายาแห่งนี้ ย่อมสัจธรรม "มีขึ้นและลงเป็นธรรมดา"
ชีวิตห่างไปบนเวทีเอเอฟแค่ 4 ปี 4 ซีซั่น ย่อมมองเห็นชีวิต "ปอ" นักล่าฝันรุ่นบุกเบิกกับรุ่นน้องอย่างสิ้นเชิง วันนี้ชีวิตเขา "เหมือนฝัน" ฝันที่ว่านั้น "ฝันร้ายของชีวิต" ที่ทำไม่ได้ดังที่ตั้งใจไว้ เพราะว่างาน เงินนั้น เริ่มหาลำบากมาก ชื่อเสียงเริ่มร่วงโรยไปตามเวลา
แหล่งข่าวเพื่อน "ปอ" รายหนึ่ง เขาเล่าว่า ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมานี้ ปอลำบากมาก เพราะว่าเขาไม่มีงานเข้ามาให้ทำมากมายเหมือนช่วงแรก อัลบั้มใหม่ยังไม่มี จะมีงานเข้ามาบ้างช่วงที่จังหวะ