ชายรายหนึ่งแอบขโมยรถบิ๊กไบค์ เหตุแค้นโดนเอาเปรียบให้เซ้งร้านอาหารที่ใกล้หมดสัญญาแลกกับรถบิ๊กไบค์ของตน เผยรู้ว่ามีกล้องวงจรปิดจับหน้าอยู่ ตั้งใจให้คู่กรณีเห็น ปัดไม่ได้อยากขโมย แค่ต้องการให้อีกฝ่ายออกมาคุยกัน
จากกรณีที่โลกออนไลน์ได้แชร์คลิปจากกล้องวงจรปิด โดยมีชายคนหนึ่งขโมยรถบิ๊กไบค์ ยี่ห้อ Kawasaki Ninja 300 และได้ขี่หายออกไปจากบ้านหลังหนึ่ง ต่อมานายสมชาย สินนา ผู้เสียหาย ได้แจ้งว่าชายคนในคลิปดังกล่าว คือ เจ้าของรถบิ๊กไบค์คันนี้ ที่ก่อนหน้านั้นได้แลกรถบิ๊กไบค์กับตน เพื่อเซ้งต่อร้านอาหาร ซึ่งตอนนั้นชายคนดังกล่าวอ้างว่าได้ทำกุญแจสำรองหายไป จากนั้นจึงเกิดเหตุการณ์ในคลิปขึ้น [อ่านข่าว : ทำไปได้ ! หนุ่มซื้อมอเตอร์ไซค์ราคา 1.3 แสน สุดท้ายโดนคนขายขโมยคืน]
หลังจากนั้น ผ่านไปประมาณเกือบ 1 เดือน เจ้าของที่ได้แจ้งเข้ามาว่าร้านกำลังจะหมดสัญญา ซึ่งตนตกใจมาก เพราะตอนทำสัญญาไม่มีการแจ้งก่อนว่าร้านกำลังจะหมดสัญญา ต่อมานายสมชายได้รับปากว่าจะคุยกับเจ้าของที่ให้ แต่กลับไม่มีอะไรคืบหน้า จนเวลาผ่านไปเป็นสัปดาห์เจ้าของที่ได้เข้ามาแจ้งอีกว่า ตนไม่สามารถต่อสัญญาได้แล้ว ให้ตนย้ายออกไปเพราะมีคนใหม่จะเข้ามาแทน ตนจึงโทร. หานายสมชายบอกว่าให้มาเจรจากันทั้ง 3 ฝ่าย แต่นายสมชายก็ไม่ยอม จึงบอกว่าหากเคลียร์ไม่ลงตัวจะขอรถคืน และนายสมชายบอกว่าถ้าอยากได้คืนก็ต้องจ่ายเงินในราคาประเมินรถ 80,000-100,000 บาท ตนอยากจบเรื่องเพราะคิดว่าไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว จึงขอเงิน 20,000 บาท เพื่อจะกลับไปทำงานต่างจังหวัด ซึ่งนายสมชายก็ได้โอนเงินมาให้
ทั้งนี้ นายวรวุฒิก็ยังหวังที่จะได้รถคืนมาโดยตลอด กระทั่งมีโอกาสได้มาทำธุระที่กรุงเทพฯ จึงเข้ามาขโมยรถที่บ้านนายสมชาย โดยใช้กุญแจสำรองขี่ออกไป และตนยอมรับว่าเคยโกหกนายสมชายเรื่องกุญแจสำรองหาย เพราะตอนนั้นจำไม่ได้ว่าเอาไปเก็บไว้ที่ไหน ตอนที่เข้าไปขโมยรถก็ไม่ได้วางแผนแต่อย่างใด ทราบดีว่ามีกล้องวงจรปิดจับหน้าตนได้ และตั้งใจให้ผู้เสียหายเห็น เพราะไม่ได้คิดจะขโมยไปขาย แต่จะเอาไปเพื่อให้อีกฝ่ายออกมาคุยกันดี ๆ และคิดว่าจะคืนเงิน จำนวน 30,000 บาท ที่ผู้เสียหายให้มารวมกัน 2 ครั้ง เพื่อจะได้จบเรื่อง แต่อีกฝ่ายบอกว่าเป็นไปไม่ได้ ตนจึงเสนอว่าจะหาเงินมาให้ 50,000 บาท แต่ขอรถคืนได้หรือไม่ นายสมชายก็ไม่ยอม
ด้าน พ.ต.อ. ศักดิ์สิทธิ์ มีสวัสดิ์ ผู้กำกับการ สน.ลาดพร้าว เปิดเผยว่า คดีดังกล่าว ศาลได้อนุมัติหมายจับเรียบร้อยแล้ว แม้ผู้ต้องหาจะนำรถมาคืน แต่ว่าความผิดได้เกิดขึ้นแล้ว และมีหลักฐานชัดเจน อีกทั้งเป็นคดีอาญาไม่สามารถยอมความได้ ส่วนโทษจะเป็นอย่างไรนั้น อยู่ที่ดุลยพินิจของศาล
ภาพและข้อมูลจาก AMARIN 34HD