หนุ่มเตือนภัยแก๊งคอลเซ็นเตอร์ กับบทเรียนค่าโง่ราคาแสนกว่าบาท ชี้มาในรูปแบบใหม่อ้างตัวเป็นทั้งไปรษณีย์และตำรวจ หลอกให้โอนเงินเพื่อตรวจสอบปมพัวพันคดีฟอกเงิน โดนกันถ้วนหน้าแม้แต่ตำรวจ
นับเป็นภัยร้ายในสังคมที่มีการแชร์ต่อเรื่องราวเตือนภัยมานักต่อนัก สำหรับ "แก๊งคอลเซ็นเตอร์" ที่หากลวิธีต่าง ๆ มาหลอกให้เหยื่อโอนเงินให้ ซึ่งนับวันก็ยิ่งพัฒนารูปแบบและวิธีการให้มีความแนบเนียนมากยิ่งขึ้น จนเหยื่อหลงเชื่อในที่สุด
โดยคุณ Supachok Thongprasit เผยว่า ได้มีโทรศัพท์สายหนึ่งโทร. เข้ามาอ้างตัวว่าเป็นไปรษณีย์ไทย หลอกว่ามีพัสดุตกค้างที่ชื่อผู้ส่งเป็นตัวเราจึงต้องการตรวจสอบ จากนั้นก็มีการสอบถามชื่อและบัตรประชาชนของเราเพื่อตรวจสอบ แล้วอ้างว่าของที่อยู่ภายในพัสดุเป็นบัญชีเงินฝากจำนวนหนึ่งซึ่งผิด พ.ร.บ.ไปรษณีย์ จึงขอโอนสายให้ทางตำรวจ
อย่างไรก็ตามเจ้าของเรื่องยังรู้สึกผิดปกติ เพราะตนไม่ได้ส่งพัสดุอะไรให้ใคร รวมทั้งไม่แน่ใจด้วยว่าการส่งบัญชีเงินฝากนั้นผิดจริงหรือไม่ แต่ก็ยอมให้ข้อมูลไป จากนั้นก็มีคนโทร. ติดต่อเข้ามาโดยอ้างตัวเป็นตำรวจ แจ้งชื่อและหน่วยงานที่สามารถตรวจสอบได้ทางอินเทอร์เน็ต พร้อมระบุว่าชื่อผู้รับพัสดุดังกล่าวได้ถูกจับเพราะมีส่วนพัวพันคดีฟอกเงินขบวนการค้ายาเสพติด และเนื่องจากในพัสดุมีบัญชีที่ตรงกับชื่อเราจึงอยากตรวจสอบ
ทั้งนี้เนื่องจากความน่าสงสัยในหลายจุด ทำให้เจ้าของเรื่องปฏิเสธไม่ยอมให้ตรวจสอบ แต่ด้วยการอ้างและให้ข้อมูลต่าง ๆ ของคนร้ายก็ทำให้เขาหลงเชื่อและโอนเงินไปในที่สุด ด้วยจำนวนเงินร่วมแสน ซึ่งแม้ว่าเขาจะรู้ตัวแล้วรีบแจ้งธนาคารเจ้าของบัญชี แต่ปรากฏว่าทางธนาคารกลับไม่มีอำนาจในการยกเลิกธุรกรรมลักษณะนี้ได้ เพราะไม่ใช่การโอนผิดบัญชี ทำได้แค่แจ้งความ แถมเมื่อไปแจ้งความที่ สน. ก็ได้ทราบว่าตนไม่ใช่เหยื่อคนแรก เพราะแม้แต่ตำรวจเองหรือคนมีความรู้ระดับอาจารย์ก็ยังถูกหลอกมาแล้ว เจ็บช้ำกันไปหลายแสนบาท
ว่าแต่คนร้ายจะใช้วิธีการใดในการกล่อมให้เราหลงเชื่อ จนกลายเป็นเหยื่อได้นั้น มาติดตามเรื่องราวทั้งหมดได้ด้านล่างนี้...
อนึ่ง สำหรับการส่งพัสดุไปรษณีย์นั้น จากข้อมูลของ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) พบว่ามี 9 สิ่งของต้องห้ามในการส่งทางไปรษณีย์ ซึ่งไม่มีการห้ามส่งบัญชีเงินฝาก โดยมีรายละเอียดดังนี้
ภาพและข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก Supachok Thongprasit
