"เคยมีแฟนเป็นดี้ ไม่เคยคบกับผู้ชาย กับคนนี้ก็เจอกันในเฟซบุ๊ก ตอนเขาแอดมาก็รู้ว่าเขาเป็นสาวประเภทสอง ตอนแรกยังไม่ได้คิดอะไร มาคิดตอนหลัง ๆ แต่ตอนนั้นก็ชอบกะเทยอยู่แล้ว เพราะก่อนหน้านี้ก็คบกะเทยมาก่อนแล้ว แม้ว่าเขาจะยังมีความเป็นผู้ชายอยู่ในตัว เราก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร" ป๊อก พูดถึงความรักของเขาที่กำลังเป็นที่ฮือฮาในโลกออนไลน์ในขณะนี้
ในช่วง 2-3 วันมานี้ คู่รักทอมกับสาวประเภทสองคู่หนึ่งกำลังเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงในโซเชียลมีเดีย เนื่องจากเกิดกรณีที่ไม่ได้พบบ่อยนัก นั่นก็คือ ทอมท้องกับกะเทย ความรักของทั้งคู่ก้าวข้ามขีดจำกัดของคู่รักข้ามเพศ ด้วยการที่ฝ่ายทอมยอมตั้งท้องเพื่อมีลูกกับสาวประเภทสอง
ป๊อก และเอ้ ได้มาพูดคุยเปิดใจในรายการต่างคนต่างคิด ทางช่อง Amarin TV เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2560 โดย เอ้ สาวประเภทสอง เผยว่า จริง ๆ ตนก็เป็นสาวประเภทสองที่ชอบผู้ชายเหมือนคนอื่น ๆ แต่พออกหักไปก็เปลี่ยนเลย เลิกเลย หันไปคบกับทอม และก่อนหน้านี้ก็เคยคบกับทอมมาก่อน เพราะทอมจิตใจเหมือนผู้หญิง เทคแคร์และเข้าใจกันได้ดีกว่าผู้ชาย และลักษณะภายนอกเขาเหมือนผู้ชายอยู่แล้ว ทอมก็หล่อเหมือนกันซึ่งตนก็ชอบ
"เอ้แอดไปหาป๊อกก่อน มันขึ้นมาตรงแนะนำเพื่อนในเฟซบุ๊ก คือถ้าเป็นทอมหนูแอดหมด แอดไปเพราะเห็นเขาน่ารักดี" เอ้ เล่าถึงจุดเริ่มต้นของความรัก
ขณะที่ ป๊อก บอกว่า ตอนนั้นก็คุยกันเล่น ๆ เพราะตอนนั้นตนคบกะเทยคนหนึ่งอยู่ ตนไม่ได้แบ่งแยกว่าจะต้องคบกับผู้หญิง หรือกะเทย รู้แต่ว่าคบกับใครแล้วสบายใจ คบกับใครแล้วมีความสุขก็คบกับคนนั้น ถามว่าเพื่อนงงไหม ก็มีงงบ้าง แต่เพื่อน ๆ ก็มองว่ามันเป็นความสุขของเรา ก็แล้วแต่เรา เช่นเดียวกับ เอ้ ที่บอกว่าเพื่อนงงมาก โดยเฉพาะเพื่อนกะเทยด้วยกันจะงงมาก เพราะตอนนี้เราอยู่ด้วยกันเหมือนสามีภรรยากันเลย
เมื่อพิธีกรถามว่า แล้วป๊อกตกใจสรีระตัวเองไหม เพราะวันนี้รับบทบาทอุ้มท้อง แต่ตัวเราเองเป็นทอมบอย เจ้าตัวบอกว่า ไม่ได้รู้สึกตะขิดตะขวงใจอะไร เพราะเราอยากมีลูก ก็เลยตั้งท้องอุ้มลูกให้เขา เพราะเขาท้องไม่ได้ จริง ๆ ก็ไม่ได้เตรียมการอะไร แค่เอ้อยากมีลูกมาก และเราก็ต่างคนต่างอยากมี และที่บ้านของเอ้ ก็ดีใจที่จะได้หลาน ส่วนทางบ้านของป๊อกนั้น มีตกใจบ้าง เพราะเพิ่งบอกตอนตั้งท้องได้ 5 เดือนแล้ว... "เขาก็ไม่ว่าอะไรค่ะ บอกว่าให้เลี้ยงดี ๆ เลี้ยงได้หรือเปล่า เขาก็อยากได้หลานชายเหมือนกัน ไม่จำเป็นว่าหลานจะต้องเกิดมาแบบไหน และตอนนี้ก็ 6 เดือนแล้ว"
และประเด็นที่สังคมสงสัยกันมากก็คือ เด็กที่เกิดมาจะสับสนหรือไม่ เพราะป๊อก (ทอม) บอกว่า ถ้าลูกเกิดมาจะให้เรียกว่า แม่ แม้ลักษณะภายนอกเราจะห้าว ๆ คล้ายผู้ชาย และ เอ้ (สาวประเภทสอง) จะให้ลูกเรียกว่า พ่อ ซึ่งเจ้าตัวบอกว่า ก็จะให้ลูกเรียกตามนั้น ตามเพศสภาพที่แท้จริงของแต่ละคน และชาวเน็ตก็ไม่ได้มีใครมาถาม ส่วนมากจะเข้ามายินดีเสียมากกว่า
อย่างไรก็ดี ประเด็นนี้ทางรายการได้เชิญ พ.ท. นพ.วิษณุ ประเสริฐสม สูตินรีแพทย์ มาพูดคุยด้วย ซึ่งคุณหมอบอกว่า คู่นี้น่าจะเป็นคู่ที่ 2 ของเมืองไทยที่เป็นลักษณะทอมกับสาวประเภทสองที่ออกมาเปิดตัวว่ามีการตั้งครรภ์มีลูกด้วยกัน ซึ่งในส่วนของความรักนั้นไม่ผิดแน่นอนอยู่แล้ว แต่ก็ยอมรับว่าไม่ค่อยเจอเคสแบบนี้ เจอไม่บ่อยในเมืองไทย แต่ทันทีที่คลอดบุตร ในช่วงแรกเกิดถึงช่วง 1-2 ขวบ เชื่อว่าทั้งคู่จะดูแลลูกได้ดีด้วยความรัก ยิ่งถ้า ป๊อก ให้นมลูกด้วยตัวเอง จากหน้าอกของแม่ จากปากของเด็กเอง เด็กก็จะเกิดความผูกพันระหว่างแม่กับลูก เป็นพันธะผูกพัน เด็กจะรักพ่อแม่อย่างฝังใจ ซึ่งเด็กสมัยใหม่ไม่ค่อยได้ดูดนมจากอกแม่เท่าที่ควร
พ.ท. นพ.วิษณุ กล่าวต่อว่า ช่วงก่อนเข้าโรงเรียนไม่มีปัญหาแน่นอน แต่ทันทีที่เด็กเข้าสู่สังคม หรือโรงเรียน ถ้าคุณพ่อไปส่งแต่แต่งหญิง ถ้าคุณแม่ไปส่งแต่แต่งชาย มันย่อมเกิดความสับสนว่าทำไมคุณแม่เป็นผู้ชาย ทำไมคุณพ่อเป็นผู้หญิง แม้ว่าเขาจะอยู่กับพ่อกับแม่มาอยู่แล้ว แต่ถ้าเข้าสู่สังคมเด็กจะเกิดการเปรียบเทียบ ยิ่งถ้ามีกิจกรรมของโรงเรียน อย่างเช่น วันพ่อ-วันแม่ คุณแม่ต้องไปร่วมกิจกรรม แต่แต่งตัวเป็นผู้ชาย ในขณะที่วันพ่อ แต่คุณพ่อแต่งหญิง ซึ่งจะแตกต่างจากคนอื่นอย่างชัดเจน แต่ข้อนี้เชื่อว่าคุณครูที่โรงเรียนน่าจะช่วยอธิบายได้ ส่วนเรื่องเด็กจะมีปมไหมนั้น ยังตอบไม่ได้ เพราะอุบัติการณ์นี้ยังไม่ค่อยพบในประเทศไทยเท่าใดนัก
เมื่อถามว่า เอ้ กังวลไหม ถ้าลูกต้องออกสู่สังคม เจ้าตัวตอบว่า "ก็คิดนะ แต่หนูเชื่อว่า หนูจะเลี้ยงลูกได้ดีพอ และลูกน่าจะเข้าใจสิ่งที่เราเป็น" ขณะที่ ป๊อก บอกว่า คงจะพูดให้เขาเข้าใจ เราจะบอกจะสอนเขา เชื่อว่าความรักจะอธิบายให้เขาเข้าใจได้ เช่นเดียวกับคุณหมอเองก็เชื่อว่าความรักในครอบครัวจะสามารถทลายปัญหาต่าง ๆ นี้ไปได้
ส่วนเรื่องที่ว่า กลัวไหมว่าลูกเราก็จะผิดเพศ หรือข้ามเพศเหมือนกัน เอ้ บอกว่า ไม่กลัว เพราะยังไงก็ลูกเรา ด้านคุณหมอบอกว่า ถ้าคุณพ่อ (เอ้) อ่อนหวานเสมอต้นเสมอปลาย และคุณแม่ (ป๊อก) เข้มแข็งอย่างนี้เสมอต้นเสมอปลาย มองว่าเป็นข้อดีด้วยซ้ำ เพราะเขาจะสลับหน้าที่กันอย่างสมบูรณ์ อาจจะดีกว่าคู่ชายรักชาย หรือหญิงรักหญิง ที่รับเลี้ยงลูกเสียอีก เพราะเป็นคู่ชาย-หญิง แค่สลับหน้าที่กันเท่านั้น
นอกจากนี้ ดร.วัลลภ ปิยะมโนธรรม นักจิตวิทยาและที่ปรึกษาศูนย์พัฒนาศักยภาพมนุษย์ มศว ยังได้ให้ความเห็นในเรื่องนี้ด้วยว่า ยังไม่มีผลวิจัยที่แน่ชัดว่าเด็กจะมีปมหรือสับสนด้วยหรือไม่ แต่จากการวิเคราะห์เบื้องต้น เชื่อว่าลูกก็อาจมีแนวโน้มจะสับสนตามด้วย แรกเริ่มคือจะสับสนเรื่องอัตลักษณ์ก่อน คุณพ่อคุณแม่ก็ต้องพยายามอย่างยิ่งในการสอนให้ลูกมีทักษะทางสังคม สอนให้ลูกเข้าใจความต่าง ให้เขาได้เห็นสังคมหลากหลายแบบ
ภาพจาก เฟซบุ๊ก อมรรัตน์ รวมสิน
ภาพและข้อมูลจาก รายการต่างคนต่างคิด
