
ประเด็นเรื่อง น.ส.เอลิส ดัลเลอมาเน นักท่องเที่ยวสาวชาวเบลเยียม วัย 30 ปี ถูกพบเป็นศพที่เกาะเต่า กลายเป็นข่าวที่คนไทยทั้งประเทศรวมทั้งสื่อหลายสำนักทั่วโลกให้ความสนใจ เนื่องจากเธอเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติรายที่ 7 ที่เสียชีวิต ณ เกาะแห่งนี้ อีกทั้งข้อมูลเกี่ยวกับการเสียชีวิตของเธอยังเป็นปริศนา ตั้งแต่เรื่องราวก่อนที่เธอจะเสียชีวิต รวมไปถึงสภาพศพของเธอ ซึ่งข้อมูลที่สื่อในประเทศไทยกับสำนักข่าวต่างประเทศมีความแตกต่างกันมาก จนนำไปสู่การตั้งฉายาเกาะเต่าว่าเป็นเกาะแห่งความตาย (อ่านเพิ่มเติมที่ : สื่อนอกแฉสาวเบลเยียมผูกคอดับปริศนาที่เกาะเต่า แม่ผู้ตายไม่เชื่อคำ ตร.ไทย)
โดยข้อมูลเบื้องต้นที่สื่อต่าง ๆ ในประเทศไทยรายงานระบุว่า น.ส.เอลิส หายตัวไปจากห้องพักของเธอหลังเกิดเหตุเพลิงไหม้ ตั้งแต่วันที่ 19 เมษายน 2560 ในเวลาต่อมา มีคนพบศพเธออยู่ในสภาพแขวนคอ บนเนินเขาหลังอ่าวโตนด เมื่อนำร่างเธอไปส่งชันสูตรที่สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ แพทย์ผู้ตรวจลงความเห็นว่าไม่พบสิ่งผิดปกติใด ๆ บนร่างกายของเธอ ไม่มีรอยถูกทำร้าย หรือกระดูกหัก และยืนยันว่าเธอเสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจเพราะผูกคอตัวเองตาย

นอกจากนี้มิเชลยังกล่าวอีกว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่าลูกสาวของเธอฆ่าตัวตาย ขณะที่เสียชีวิตเธอสวมเสื้อยืดและผ้าคลุมไหล่ และเจ้าหน้าที่พบถังน้ำมันเปล่า วางอยู่ไม่ไกลจากศพของเธอ "หลายสิ่งมันชี้ให้เห็นว่ามีคนเกี่ยวข้อง ตำรวจบอกฉันว่าลูกสาวฉันผูกคอตายในป่า ฉันไม่มีทางเชื่อว่าลูกสาวของฉันจะทำแบบนั้นได้"
ด้านเว็บไซต์นิวซีแลนด์เฮรัลด์ ก็นำเสนอข้อมูลที่คล้ายกับนิวยอร์กโพสต์ โดยระบุว่า ศพของ น.ส.เอลิส ถูกพบในสภาพถูกตัวเงินตัวทองแทะกิน และรายงานเพิ่มเติมว่า มิเชล ฟาน เอ็กเทน แม่ของเอลิส กล่าวว่า ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ลูกสาวของเธอเดินทางท่องเที่ยวไปทั่วเอเชีย และเดินทางมาประเทศไทย เธอเรียนโยคะและตันตระแบบอินเดีย หลังจากนั้นก็ถูกพบว่าเสียชีวิตแล้ว และมิเชลก็เกรงว่าทางการไทยปกปิดข้อมูลที่แท้จริง เนื่องจากเกาะเต่าเคยมีเหตุนักท่องเที่ยวเสียชีวิตมาแล้วหลายครั้ง

ส่วนเว็บไซต์ไทม์ ก็รายงานว่า หลังจากที่มิเชล แม่ของเอลิสไม่เชื่อว่าลูกสาวของเธอฆ่าตัวตาย เจ้าหน้าที่ตำรวจของไทยก็ได้รื้อฟื้นคดีขึ้นมาสืบสวนใหม่อีกครั้ง และได้นำบทสัมภาษณ์ของมิเชลที่ให้ไว้กับ Der Farang ซึ่งเป็นสำนักข่าวภาษาเยอรมันในประเทศไทยว่า ครั้งสุดท้ายที่เธอพูดคุยกับเอลิส ลูกสาวของเธอปกติดีมาก เธอไม่มีวี่เววว่ามีอาการซึมเศร้า และเธอไม่รู้ว่าทำไมลูกสาวที่เพิ่งจองตั๋วไปกรุงเทพฯ ถึงเข้าป่าไปฆ่าตัวตาย

ในขณะเดียวกัน เว็บไซต์เดอะเทเลกราฟ ของอังกฤษ รายงานในลักษณะเดียวกันว่า ศพของ น.ส.เอลิส ถูกตัวเงินตัวทองแทะกิน และยังระบุว่าทางเทเลกราฟได้ติดต่อไปยัง พ.ต.ท. โชคชัย สุทธิเมฆ สารวัตรใหญ่ สภ.ย่อยเกาะเต่า เพื่อสอบถามเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว ซึ่ง พ.ต.ท. โชคชัย ตอบว่า มีการป้ายสีว่าเกาะเต่ากลายเป็นเกาะแห่งความตายอย่างไม่หยุดหย่อน ไม่มีใครนิ่งเฉยเมื่อมีคนเสียชีวิต เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานกันอย่างจริงจังกับเรื่องนี้

นอกจากนี้ไม่มีหลักฐานใด ๆ บ่งบอกว่าเป็นการฆาตกรรม ตามข้อมูลผลการชันสูตรที่ได้ส่งไปให้แม่ของผู้เสียชีวิตก่อนหน้านี้ และยืนยันว่า น.ส.เอลิส เสียชีวิตเพราะขาดออกซิเจน ซึ่งเป็นผลจากการใช้เชือกผูกคอตาย และได้ระบุว่าศพผู้เสียชีวิตไม่ได้ถูกสัตว์ชนิดใดกัดกิน
