เจ้าของที่นาสุดอึ้ง พบไหโบราณฝังบนคันนา ด้านชาวบ้านรู้ข่าวแห่มาขอโชคลาภ

        เจ้าของที่นาสุดอึ้ง พบไหโบราณฝังบนคันนา ด้านชาวบ้านรู้ข่าวแห่มาขอโชคลาภ กรมศิลปากรเตรียมเดินทางตรวจสอบ-ชาวบ้านส่วนใหญ่ขอลูบคลำ ไม่สนแม้มีทหารคอยเฝ้าและห้ามปราม

        วันที่ 18 กรกฎาคม 2560 มีรายงานว่า มีชาวบ้านพบวัตถุโบราณเป็นจำนวนมากในทุ่งนาในพื้นที่ ต.โป่งเปือย อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ ต่อมา นายขัตติยา ชัยมณี ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดบึงกาฬ พร้อมด้วยสื่อมวลชน ได้เดินทางไปตรวจสอบที่จุดดังกล่าว
        โดย นายสุบรร กมลภา อายุ 70 ปี และนายศักดิ์ดา กมลภา อายุ 32 ปี ลูกชาย เจ้าของที่นาดังกล่าว ได้พาเจ้าหน้าที่เดินดูจุดต่าง ๆ ที่พบไห โดยส่วนมากจะอยู่บนคันนาที่มีความกว้างประมาณ 120 เซนติเมตร ซึ่งจุดแรกมุมคันนา พบไหดินเผาสูงประมาณ 70 เซนติเมตร กว้าง 67 เซนติเมตร และไหเล็ก ๆ สูงประมาณ 30 เซนติเมตร กว้าง 32 เซนติเมตร อีกจำนวน 6 ใบ โผล่ออกมาให้เห็นอยู่ข้างคันนา และในไหใบใหญ่นี้พบมีด 1 เล่มวางอยู่ก้นไห น้ำหนักประมาณ 110 กรัม สภาพผุกร่อนสนิมจับเกรอะ


        ห่างออกไป 50 เมตร พบไหใบใหญ่อยู่กลางคันนาสูงประมาณ 65 เซนติเมตร กว้าง 58 เซนติเมตร ด้านในพบกำไลหยกขาวใสหกเหลี่ยม 1 วง สภาพสมบูรณ์ กำไลสัมฤทธิ์สีเขียว ลวดลายสวยงาม 2 วง สภาพแตกบิ่น เส้นผ่าศูนย์กลาง 6 เซนติเมตรเท่ากัน และมีไหใบรองลงมาอีก 3 ใบ ฝังอยู่ในคันนาติดกัน

        นอกจากนี้ยังพบลูกปัดเล็ก ๆ สีน้ำตาลและสีต่าง ๆ อีกจำนวนมาก มีมีด 2 เล่ม และอีกชิ้นน่าจะเป็นปิ่นปักผม 1 อัน และมีกระดูกจำนวนหนึ่ง ส่วนสภาพไหด้านนอกมีลวดลายคล้ายหนังไก่ บางลายก็เป็นเส้นนูนทางยาวสีน้ำตาลอ่อน ส่วนด้านในไหเป็นสีดำ หนาประมาณ 1 เซนติเมตร
       
        นายสุบรร เล่าว่า ตนซื้อที่นาแปลงนี้ได้ 51 ปีแล้ว มีขนาด 30 ไร่ และทำนามา 45 ปี ปีนี้ว่าจะทำเกษตรทฤษฎีใหม่ จึงว่าจ้างรถแบ็คโฮมาปรับที่นา โดยการขุดดินออกลึกลงไป 1.5 เมตร เว้นเฉพาะจุดที่จะทำเป็นคันนาเอาไว้กว้างประมาณ 120 เซนติเมตร กระทั่งเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม ที่ผ่านมา มีฝนตกลงมาอย่างหนัก ทำให้คันนาพังทลาย จึงมองเห็นไหโผล่ขึ้นมาดังกล่าว


        ขณะที่นายขัตติยา กล่าวว่า ได้ทำการติดต่อไปยังกรมศิลปากร เพื่อมาตรวจสอบวัตถุโบราณดังกล่าวว่ามีอายุเท่าใด และเป็นของสมัยใด ซึ่งวันที่ 25 กรกฎาคม นี้ เจ้าหน้าที่จะเดินทางมาตรวจสอบ เกรงว่าหากล่าช้าไปวัตถุโบราณดังกล่าวอาจเสื่อมสภาพเสียหายเพราะมีฝนตกลงมาตลอดเวลาทำให้น้ำไหลเซาะกัดกร่อน ขณะที่ชาวบ้านที่ทราบข่าวก็ได้แห่มาดูไม่ขาดสาย ตั้งแต่เช้ายันค่ำ โดยไม่มีสิ่งกีดกั้นหรือกีดขวางไม่ให้คนเข้าใกล้

        รายงานข่าวระบุว่า ชาวบ้านหลายคนพยายามเข้ามาลูบ จับ ขอโชคลาภ แม้จะมีกำลังทหารเฝ้าและห้ามปรามก็ตาม ทั้งนี้คาดว่าน่าจะมีอีกหลายจุดที่ยังไม่พบ เนื่องจากน้ำยังไม่กัดเซาะ ส่วนวัตถุโบราณที่พบ นายสุบรร เจ้าของที่นา ได้นำไปเก็บไว้ชั่วคราวที่บ้านก่อน จากนี้ไปจะได้ทำความเข้าใจกับชาวบ้านในเรื่องขุดค้นวัตถุโบราณ ให้พี่น้องช่วยกันรักษาไว้อย่าให้ใครมาหลอกซื้อ เพราะเป็นสมบัติที่มีคุณค่าของบ้านเรา ซึ่งในอนาคตอาจจะได้พัฒนาตรงนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวต่อไป

ภาพและข้อมูลจาก