เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2560 สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น มีรายงานว่า สาวชาวเกาหลีเหนือแปรพักตร์รายหนึ่งที่หลบหนีมายังประเทศเกาหลีใต้ และได้ออกรายการเรียลลิตี้จนเป็นที่รู้จัก ได้หวนกลับไปยังดินแดนมาตุภูมิที่ประเทศเกาหลีเหนือ พร้อมทั้งไปออกรายการทีวีชวนเชื่อ และกล่าวว่าเกาหลีใต้บังคับให้เธอพูดประณามและใส่ร้ายเกาหลีเหนือ
ทั้งนี้ คาดว่า จียอน ฮเย ซุง ได้เดินทางกลับไปยังเกาหลีเหนือเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา แต่ทั้งนี้ไม่สามารถระบุได้แน่ชัดว่า เธอกลับไปด้วยวิธีการใดและภายใต้สถานการณ์เช่นใด ซึ่งในอดีต มีชาวเกาหลีเหนือผู้แปรพักตร์หลายรายต้องกลับไปประเทศเนื่องจากถูกข่มขู่ ในขณะที่สื่อเกาหลีใต้สงสัยว่าเธออาจจะถูกเกาหลีเหนือลักพาตัวไป ขณะไปเยี่ยมญาติของเธอที่ชายแดนจีน ไม่ก็อาจจะถูกบีบบังคับให้กลับไปโดยใช้ครอบครัวของเธอเป็นเครื่องข่มขู่
สำหรับ จียอน ฮเย ซุง ได้อพยพแปรพักตร์จากเกาหลีเหนือ เข้ามาอาศัยอยู่ที่เกาหลีใต้ตั้งแต่ปี 2557 โดยเธอได้เป็นที่รู้จักจากการปรากฏตัวในรายการเรียลลิตี้โชว์ของช่องโทรทัศน์เกาหลีใต้ ที่ชื่อว่า Moranbong Club ซึ่งเป็นรายการที่ให้ชาวเกาหลีเหนือแปรพักตร์มานั่งดื่มและกินอาหารกับเจ้าบ้านชาวเกาหลีใต้ พร้อมทั้งเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการเมืองและวัฒนธรรมของบ้านเกิดให้ฟัง
ในขณะที่คลิปวิดีโอรายการเรียลลิตี้ของทางช่อง TV Chosun สถานีโทรทัศน์ของเกาหลีใต้ ซึ่งจียอน ฮเย ซุง เคยไปปรากฏอยู่ด้วย แสดงให้เห็นว่า ไม่มีการบังคับให้เธอมามีส่วนแต่อย่างใด
ด้านกระทรวงการรวมชาติเกาหลีใต้ เผยว่า ในรายงานเมื่อปี 2555 มีชาวเกาหลีเหนือผู้แปรพัตร์เดินทางกลับประเทศเดิม 25 ราย ซึ่งในจำนวนนี้มี 5 รายที่ย้อนกลับมายังเกาหลีใต้อีกครั้ง อย่างไรก็ดี ในกรณีนี้ทางเจ้าหน้าที่กำลังอยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบหาข้อเท็จจริงอยู่
ทั้งนี้รายงานของซีเอ็นเอ็น ยังได้เปิดเผยว่า สำหรับชาวเกาหลีเหนือผู้แปรพัตร์ การอพยพเข้ามายังเกาหลีใต้เป็นเรื่องที่ยากลำบากต้องหลบเลี่ยงตำรวจ และต้องทำงานร่วมแก๊งอาชญากรหลบหนีผ่านมาทางประเทศจีน เมื่อมาถึงเกาหลีใต้ก็ต้องผ่านการตรวจอย่างเข้มงวด เพื่อให้มั่นใจว่าไม่ใช่สายลับที่ถูกส่งมา จากนั้นก็จะส่งเข้าโปรแกรมสอนความรู้ใหม่ เพื่อให้พวกเขาเข้ากับสังคมเกาหลีใต้ได้
อย่างไรก็ดี มีชาวเกาหลีเหนือผู้แปรพักตร์จำนวนไม่น้อย ต้องเผชิญกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทางสังคมเกาหลีใต้ ในระบบทุนนิยม การคลั่งไคล้ผู้มีชื่อเสียง ทำให้ปรับตัวได้อย่างอยากลำบาก เกิดความรู้สึกท้อแท้สิ้นหวังและรู้สึกแปลกแยก โดยจากการสำรวจขององค์กร Hana Foundation เมื่อปี 2558 พบว่า จากจำนวนผู้แปรพักตร์ 1,700 มีมากกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ มีความคิดฆ่าตัวตาย
ข้อมูลจาก channelnewsasia.com