สะเทือนใจ พ่ออัดคลิปวิดีโอให้ลูกแฝด ฝากให้ลูกได้ดูในอนาคต หวังให้ลูกยังได้ยินและได้เห็นภาพเขา เมื่อถึงวันที่เขาไม่อยู่บนโลกนี้อีกต่อไป
นับเป็นความฝันของคนเป็นพ่อแม่ ที่หวังจะได้มีชีวิตอยู่เคียงข้างลูกรักในทุกเหตุการณ์สำคัญของเขา นับตั้งแต่ฝึกเดิน เข้าโรงเรียน จบการศึกษา แต่งงาน ตลอดจนวันที่ประสบความสำเร็จในชีวิต แต่ช่างเป็นเรื่องน่าเศร้าสำหรับ เจมส์ บีชิง คุณพ่อลูกแฝดชาวอังกฤษ ซึ่งรู้ดีว่าบางทีเขาอาจไม่มีโอกาสได้อยู่กับลูกในวันเวลาเหล่านั้น
จนเมื่อเขาเกือบจะพ้นช่วงวัยรุ่น อาการของเขาก็เป็นไปในทางที่แย่ลง ร่างกายของเขาเริ่มไม่สามารถต่อสู้กับโรคติดเชื้อได้ ประสิทธิภาพการทำงานของปอดเริ่มลดลงเหลือเพียง 26-34% กระทั่งเมื่อเดือนมกราคม 2560 เขาก็ได้รู้ว่าตัวเองมาถึงจุดที่ต้องผ่าตัดปลูกถ่ายปอดทั้ง 2 ข้าง และได้ขึ้นทะเบียนในรายชื่อผู้รอรับการปลูกถ่ายแล้ว
อย่างไรก็ตาม เจมส์ ซึ่งมีลูกแฝดชายหญิงวัย 3 ขวบ คือ อิสโซเบล และ โลแกน พร้อมด้วย เบกกี้ ภรรยาแสนสวยวัย 33 ปี ก็ทราบดีถึงความเสี่ยงที่จะตามมา เขาอาจจะหาผู้บริจาคที่เนื้อเยื่อเข้ากันได้ไม่พบ หรือปลูกถ่ายแล้วร่างกายเกิดการปฏิเสธ นอกจากนี้หลังการผ่าตัดแล้วเขาก็ยังคงต้องกินยาไปตลอด อย่างไรก็ตามเนื่องด้วยสภาพร่างกายที่แย่ลงเรื่อย ๆ มันอาจทำให้เขามีชีวิตอยู่ได้อีกเพียง 2 ปี การผ่าตัดปลูกถ่ายปอดจึงเป็นความหวังเดียวที่เหลืออยู่ ว่าเขาจะได้อยู่กับลูกและภรรยาได้นานกว่านั้น
"ผมยังอยากทำในสิ่งที่คนวัยผมควรจะได้ทำ เช่น การไปเข้าสังคม ไปเที่ยวพักผ่อนกับครอบครัว แต่อาการของโรคนี้แย่ลงเรื่อย ๆ และผมก็ต้องเข้าโรงพยาบาลอยู่บ่อย ๆ" เจมส์ กล่าว
เมื่อชีวิตเดินมาถึงจุดนี้ เจมส์จึงตัดสินใจที่จะทำคลิปวิดีโอหนึ่ง เพื่อฝากไว้ให้ลูก ๆ ทั้งสองคนของเขาได้ดูเมื่อพวกเขาเติบโตขึ้น พร้อมด้วยภาพถ่ายแห่งความทรงจำเต็มฮาร์ดไดรฟ์ ด้วยความหวังว่า อย่างน้อยเด็ก ๆ ก็ยังสามารถได้เห็นและได้ยินเสียงของเขา แม้ตัวเขาจะไม่อยู่บนโลกนี้อีกต่อไป
"ผมมีฮาร์ดไดรฟ์ซึ่งมีรูปและคลิปทั้งหมดที่เราเคยถ่ายร่วมกับเด็ก ๆ ไว้ให้พวกเขาดู เมื่อผมไม่อยู่ที่นี่อีกต่อไป ผมตัดสินใจทำสิ่งเหล่านี้เพื่อให้พวกเขายังได้เห็นและได้ยินเสียงผม ในตอนนี้พวกเขาก็จะมีของที่เก็บไว้ดูได้ เมื่อทั้งคู่อยู่ในวันที่สามารถเข้าใจเรื่องความตายได้แล้ว" เจมส์ กล่าวถึงสิ่งที่เขาทำไว้เพื่อลูกน้อย
ทั้งนี้เจมส์ยังทำงานให้กับมูลนิธิ Live Life, Give Life เพื่อหวังส่งต่อคำพูดถึงเหล่าผู้คนที่มุ่งหวังจะเป็นผู้บริจาคอวัยวะในอนาคต โดยเขาชี้ว่า การที่ใครจะตัดสินใจไม่บริจาคอวัยวะ นั่นก็เป็นเรื่องส่วนบุคคล ซึ่งเขาไม่ได้หวังจะเปลี่ยนความคิดใคร เพียงแค่อยากเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นคนที่คิดจะบริจาค แต่ยังขอเลื่อนเวลาออกไปเรื่อย ๆ ให้ช่วยตัดสินใจได้เร็วขึ้นเท่านั้น เพราะเวลาในการลงทะเบียนเพียงไม่กี่นาทีของพวกเขา อาจช่วยต่อชีวิตผู้อื่นได้
ภาพจาก เฟซบุ๊ก James Beeching