แก๊งนายพล-สารวัตรอุ้มเสี่ยสายการบิน มักเฟ้นเหยื่อที่เป็นชาวจีน ก่อเหตุมาไม่ต่ำกว่า 10 ครั้ง ผู้เสียหายที่ตกเป็นเหยื่อกว่า 10 ราย ด้านตำรวจเตรียมยื่น ปปง. สอบเส้นทางการเงิน
เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2560 พล.ต.ต. สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ (ผบก.สปพ.) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าคดีการจับกุม พล.ต. จรูญ อำภา สังกัดกองบัญชาการกองทัพไทย พร้อม พ.ต.ท. ณัฐกฤษต์ ยุทยา พนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปอศ. และพวกรวม 10 คน ฐานร่วมกันอุ้มเรียกค่าไถ่เสี่ยเจ้าของบริษัทสายการบิน ระบุว่า เหลือผู้ต้องหาอีก 2 คน คือ นายอุทิศ ก่อแก้ว และนายฐิติกร ชื่นอุรา ที่ยังหลบหนี จากเบาะแสที่ได้คือยังกบดานอยู่ในประเทศ คาดได้ตัวเร็ว ๆ นี้
พล.ต.ต. สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า คดีนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีความหนักใจ แม้ผู้ต้องหาจะเป็นนายพลทหาร ทหารเรือ หรือนายตำรวจที่เกี่ยวข้องจะได้รับการปล่อยชั่วคราวไปก่อนหน้านี้ เนื่องจากมีการรวบรวมพยานหลักฐานไว้หมดแล้ว การจากสืบสวนพบว่าแก๊งดังกล่าวก่อเหตุมาไม่ต่ำกว่า 10 ครั้ง มีการเรียกเงินผู้เสียหายไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท มีผู้เสียหายที่ตกเป็นเหยื่อกว่า 10 ราย เข้าร้องทุกข์แล้ว 4 ราย ส่วนใหญ่เป็นชาวจีนมาทำธุรกิจทั้งในกรุงเทพฯ และพัทยา เพราะปัจจุบันมีชาวจีนเข้ามาทำธุรกิจที่ไทยจำนวนมาก ใช้เวลาอยู่ในไทยไม่นาน และไม่อยากมีเรื่องราว หรือคดีความในประเทศไทย พ.ต.ท. ณัฐกฤษต์ จะนำข้อมูลชาวจีนที่เข้ามาทำธุรกิจในประเทศมาเป็นข้อมูลก่อเหตุ จากนั้นจะออกอุบายเข้าตรวจสอบบริษัทว่ามีการจดทะเบียนถูกต้องหรือไม่ โดยมีนายนายโก เทช ชุน ชาวสิงคโปร์ ทำหน้าที่เฟ้นหาเหยื่อ เป็นล่ามพูดจากล่อมเพื่อให้ยอมโอนเงิน
ด้าน พ.ต.อ. ศรายุทธ จุณณวัตต์ ผกก.สน.โคกคราม เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน และตรวจสอบเส้นทางการเงินกลุ่มของ พล.ต. จรูญ และพวกรวม พร้อมเตรียมประสานข้อมูลกับ ปปง. เพื่อตรวจสอบว่า มีหลักฐานเพียงพอเอาผิดตามมูลฐานการฟอกเงินหรือไม่ ส่วนการติดตามผู้ต้องหาอีก 2 คนที่ถูกออกหมายจับและยังหลบหนีฝ่ายสืบสวนกำลังเร่งติดตามตัว ส่วนการตั้งข้อสังเกตว่า การตั้งข้อหากลุ่มผู้ต้องหาเป็นข้อหาที่เบาเกินกว่าฐานความผิดนั้น ขอยืนยันว่าหากมีพยานหลักฐานชัดเจนสามารถตั้งข้อหาเพิ่มเติมได้
นอกเหนือจากคดีที่ สน.โคกคราม แล้ว ยังมีผู้เสียหายเข้าชี้ตัวผู้ต้องหากลุ่มนี้เพิ่มอีก 2 ราย โดยพบว่า เคยก่อเหตุหลอกนักธุรกิจชาวจีนว่าสามารถช่วยเหลือวิ่งเต้นคดีให้ได้ สูญเงิน 4,000,000 บาท ส่วนอีกคดี กลุ่มผู้ต้องหาอ้างว่า สามารถช่วยเหลือให้ได้รับสัญชาติไทยและมีบัตรประจำตัวประชาชนไทยโดยสูญเงิน 750,000 บาท ทั้ง 2 คดีพนักงานสอบสวนมาสอบถามข้อมูลไปแล้ว ส่วนผู้เสียหายได้ชี้ตัวยืนยันไปเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ยังมีชาวจีนอีก 2 ราย ที่เปิดร้านนวดในพัทยา ตกเป็นเหยื่อ ถูกเรียกค่าคุ้มครองไปกว่า 10 ล้านบาท อยู่ระหว่างการประสานข้อมูล ซึ่งคดีที่เกิดขึ้นทั้งหมดจะแยกสำนวนกันทำ และได้แจ้งอายัดตัวผู้ต้องหาไว้แล้ว พ.ต.อ. ศรายุทธ กล่าว
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
แนวหน้า
