คดี "หลอกแต่งงาน" เชิดสินสอด กลายเป็นข่าวใหญ่ระดับประเทศที่สังคมให้ความสนใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะ นางสาวจริยาภรณ์ บัวใหญ่ หรือ น้ำมนต์ หรือพร เจ้าสาวตัวแสบ ใช้เวลาตีสนิทล่อลวงเหยื่อให้ตายใจในระยะเวลาเพียงแค่ 1-2 เดือน ก็ได้เงินแสนไปเชยชม แถมบางคนยังถูกฉกรถยนต์ไปด้วย
ว่าที่เจ้าบ่าวโชคร้าย 13 คนจึงรวมตัวแจ้งเบาะแส และแฉพฤติกรรมลวงโลกของน้ำมนต์ จนนำไปสู่การจับกุมตัวได้ในที่สุด เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 7 กันยายน 2560 หลังมีเบาะแสแจ้งว่าเธอไปปรากฏตัวที่วัดไร่ขิง จ.นครปฐม งานนี้ตำรวจรวบตัวได้พร้อมกับสามีคนปัจจุบัน นายกิตติศักดิ์ ตันติวิรัชกุล ซึ่งก็มีหมายจับคดีฉ้อโกงอยู่ด้วยเช่นกัน
จากการสอบปากคำเบื้องต้น น้ำมนต์ รับสารภาพว่าตนเองรู้จักกับ นางสาวสร้อยเพ็ชร มาลีวัลย์ จริง โดยรู้จักผ่านเพื่อนอีกต่อหนึ่ง ก่อนที่จะขโมยบัตรประชาชนของนางสาวสร้อยเพ็ชร 5-6 ปีที่แล้ว มาเปิดบัญชีธนาคาร พร้อมกับยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาที่จะหลอกลวงผู้ชายให้แต่งงานด้วย
ส่วนรายละเอียดอื่น ๆ นั้น วันนี้เวลา 11.00 น. พ.ต.ท. ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง จะเดินทางมาแถลงข่าวผลการจับกุมด้วยตัวเอง เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชน
ขณะที่ นางสาวสร้อยเพ็ชร มาลีวัลย์ ที่ปรากฏชื่อบัญชีธนาคารในการที่น้ำมนต์ให้เหยื่อโอนเงินค่าสินสอดเข้าบัญชีนี้นั้น เจ้าตัวได้เข้ามาพบกับตำรวจเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับขบวนการหลอกแต่งงานแต่อย่างใด โดยเธอเผยว่า เป็นลูกพี่ลูกน้องกับน้ำมนต์ เรื่องบัตรประชาชนนั้นเขามาเอาของตนไปจริง เพราะเขาอ้างว่าจะขอยืมไปสมัครงานบาร์ที่พัทยา เนื่องจากเขาอายุเกิน เลยมายืมของตนเพราะคิดว่าหน้าตาคล้ายกัน กรุ๊ปเลือดเดียวกัน ตนก็ให้ไป ไม่ได้คิดอะไร ผ่านไป 1 ปี ไม่คิดว่าเขาจะเอาไปใช้หลอกลวงคนอื่นแบบนี้ ตนก็อยากถามเขาว่า... "เขาทำกับหนูได้ยังไง เขาคิดว่าหนูเป็นน้องหรือเปล่า"
ด้านน้องสาวของหนึ่งในเจ้าบ่าวที่ถูกหลอก เผยว่า ตนได้คุยกับกลุ่มผูุ้เสียหายแล้วทุกคนเห็นตรงกันว่า จะไม่ให้อภัยน้ำมนต์แน่นอน ขอดำเนินคดีให้ถึงที่สุด และทางกลุ่มผู้เสียหายบอกด้วยว่า เคยบนบานกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่า ถ้าจับน้ำมนต์ได้เมื่อไร เจ้าบ่าวทั้งหลายที่ถูกหลอกจะขอบวชสะเดาะเคราะห์ล้างซวยกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ภาพและข้อมูลจาก