หนุ่มร้องเพจดัง โดนลูกหลง ถูกรุมเตะต่อย ซ้ำถูกแทงชายโครง ทั้งที่ตัวเองไม่ได้เกี่ยวข้อง ผ่านไป 1 เดือนคดีไม่คืบ แถมตำรวจแจ้งข้อหาผู้ก่อเหตุเพียงทำร้ายร่างกาย ทั้งที่น่าจะพยายามฆ่ามากกว่า
เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2560 เพจเฟซบุ๊ก แหม่มโพธิ์ดำ ได้เผยแพร่คลิปเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทหน้าร้านพิซซ่าแห่งหนึ่ง โดยชายเจ้าของคลิปถูกกลุ่มชาย 3 คน รุมทำร้ายทั้งเตะต่อย และใช้มีดแทงเข้าที่ชายโครง เนื่องจากชายทั้ง 3 คน มีเรื่องกับพนักงานในร้านพิซซ่า แล้วตนขี่รถเข้ามาจอดพอดี ทำให้กลุ่มผู้ก่อเหตุเข้าใจผิดว่าตนเป็นพวกเดียวกัน แม้จะพยายามปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้อง แต่อีกฝ่ายก็ไม่ฟัง โดยเรื่องเกิดขึ้นในคืนวันที่ 12 สิงหาคม 2560 ผู้ก่อเหตุยังลอยนวล ส่วนตนเองต้องมาตกงาน อีกทั้งตำรวจแจ้งข้อหาผู้ก่อเหตุแค่ทำร้ายร่างกาย ทั้งที่น่าจะเป็นข้อหาพยายามฆ่ามากกว่านั้น
ตนปฏิเสธไปว่า ตนไม่เกี่ยว ใครทะเลาะกันก็ปล่อยเขาเคลียร์กันไป ก่อนจะเดินหนีออกมา โดยมีผู้จัดการร้านเข้าไปช่วยดึงตัวชายร่างท้วมให้แยกจากตน แต่อีกฝ่ายยังไม่พอใจ ตะโกนมาว่า "ถ้าไม่เกี่ยวก็ออกมาคุยกันให้รู้เรื่อง ไม่งั้นเจอดีแน่" จากนั้นชายคนดังกล่าวก็พุ่งเข้ามาชกตน แล้วลากออกมาหน้าร้าน ตนพยายามต่อสู้เพื่อป้องกันตัว แต่พรรคพวกของชายร่างท้วมก็เข้ามาช่วยรุม ซึ่งตนถูกมีดแทงเข้าที่ชายโครงด้านซ้ายจนล้มลงไป และยังถูกเตะเข้าที่ใบหน้าจนจมูกหัก จากนั้นเพื่อนนำตนส่งโรงพยาบาล เมื่ออาการดีขึ้นตนก็ไปแจ้งความที่ สน.ลุมพินี ในคืนนั้นทันที และยังได้นำภาพจากกล้องวงจรปิดมาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย
จนกระทั่งวันที่ 5 กันยายน 2560 ตนเข้าไปติดตามความคืบหน้าที่โรงพัก จึงทราบว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุถูกแจ้งข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนบาดเจ็บสาหัสทั้งทางร่างกายและจิตใจ ซึ่งตนสงสัยว่าพฤติกรรมที่อีกฝ่ายใช้มีดแทงไม่เข้าข่ายพยายามฆ่าหรือ โดยเจ้าหน้าที่ตอบว่า หากจะเข้าข่ายพยายามฆ่า ต้องถูกปาดหรือแทงที่อวัยวะสำคัญ เช่น คอ หรือหน้าอก ตนไม่มีความรู้ทางกฎหมาย จึงตัดสินใจมาโพสต์เรื่องราวในโลกออนไลน์ หากพิสูจน์แล้วว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นความผิดแค่ทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บสาหัสจริง ๆ ตนก็จะไม่ติดใจอะไรอีก
ด้าน พ.ต.อ. ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผู้กำกับการ สน.ลุมพินี เปิดเผยว่า กรณีที่เกิดขึ้นต้องพิจารณาจากพฤติการณ์ของผู้ก่อเหตุว่า การใช้อาวุธแทงมีเจตนาหมายจะเอาชีวิตหรือไม่ หรือแทงเข้าไปที่อวัยวะสำคัญที่อาจจะทำให้เสียชีวิตได้หรือไม่ หากเป็นไปตามนั้นก็จะเข้าข่ายพยายามฆ่า แต่หากพนักงานสอบสวนพิจารณาแล้วว่า การแทงไม่ทำให้เป็นอันตรายถึงชีวิต ก็ถือว่าเป็นการทำร้ายร่างกายจนสาหัสเท่านั้น อย่างไรก็ตาม หากเจ้าหน้าที่ส่งสำนวนให้อัยการพิจารณา แล้วเห็นว่ามีประเด็นสงสัยให้สอบสวนเพิ่มเติม ก็จะส่งสำนวนกลับมาให้สอบสวนเพิ่มอีกครั้ง ซึ่งผู้เสียหายไม่ต้องกังวลว่า ผู้ก่อเหตุจะถูกดำเนินคดีน้อยกว่าที่ควรจะเป็น เพราะกระบวนการยุติธรรมมีการตรวจสอบอยู่หลายขั้นตอนอยู่แล้ว
ภาพและข้อมูลจาก
เฟซบุ๊ก แหม่มโพธิ์ดำ,
