สาว ป.โท ตุ๋นแชร์ลูกโซ่ เหยื่อสูญ 160 ล้าน ร่ำไห้ขออโหสิกรรม บอกเงินช็อต

          รวบสาว ป.โท ตุ๋นเหยื่อแชร์ลูกโซ่บ้านเลขที่ 5 เสียหายกว่า 160 ล้าน เหตุช็อตหมุนเงินไม่ทัน ร่ำไห้ขออโหสิกรรม เหยื่อไม่รับแถมจี้ตำรวจคัดค้านประกันตัว

          วันที่ 9 กันยายน 2560 ที่กองกำกับการสายตรวจ กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ (191) พล.ต.ต. สุรเชษฐ์ หักพาล ผบก.สปพ. ได้แถลงผลการจับกุม นางสาวณิชภัทร ภัทรธาดา นักศึกษาปริญญาโท มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสตูล ในข้อหาฉ้อโกงประชาชน หลังก่อเหตุเปิดกลุ่มเฟซบุ๊กชื่อ กลุ่มบ้านเลขที่ 5 โดยชักชวนให้คนรู้จักเข้าร่วมจนมีสมาชิกภายในกลุ่ม 334 คน ก่อนเชิญชวนให้สมาชิกลงเงินทุน ราคาหุ้นละ 100 บาทต่อหุ้น โดยล่อใจว่าจะได้ผลประโยชน์ตอบแทนในอัตราร้อยละ 3 ต่อ 7 วัน เมื่อครบ 7 วันจะคืนเงินทุนให้ ซึ่งช่วงแรกมีการกำหนดว่าห้ามลงทุนเกิน 50,000 บาทต่อคน มีการจ่ายเงินจริงเมื่อถึงกำหนด ทำให้เกิดความน่าสนใจและมีคนหลงเชื่อ
          ต่อมาก็มีการชักชวนให้มีการลงหุ้นเพิ่มขึ้น โดยมีทองคำมาเป็นผลตอบแทน นอกเหนือจากเงินปันผลร้อยละ 3 ต่อ 7 วัน เช่น ถ้าลงทุน 100,000 บาท จะได้ทองคำเพิ่มอีก 1 สลึง ทำให้ผู้เสียหายลงทุนเพิ่มในจำนวนเงินถึงหลักล้านบาท

          ทั้งนี้ นางสาวณิชภัทร ได้อ้างว่าจะนำเงินที่ผู้เสียหายลงทุนมานั้น ไปลงทุนเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ธนาคาร และกองทุนอื่น ๆ เมื่อสมาชิกรายใดได้ร่วมลงทุนจะมีเงินปันผล พร้อมเงินต้นทุนคืนให้ จึงทำให้ผู้เสียหายเกิดความหลงเชื่อ กระทั่งประมาณเดือนเมษายน ที่ผ่านมา ผู้ต้องหามีปัญหาขาดสภาพคล่องทางการเงิน จึงเริ่มไม่มีการจ่ายเงินปันผล ผู้เสียหายทั้งหมดจึงขอถอนเงินลงทุนพร้อมเงินปันผลคืน แต่นางสาวณิชภัทร ไม่สามารถคืนเงินให้ผู้เสียหายได้จึงหลบหนีไป ก่อนมาถูกจับกุม


          อย่างไรก็ตาม โดยคดีนี้มีผู้เสียหายทั่วประเทศหลายร้อยราย มูลค่าความเสียหายประมาณ 160 ล้านบาท จากการตรวจสอบทรัพย์สินพบว่าผู้ต้องหานำเงินที่ได้จากผู้เสียหายไปซื้อบ้าน คอนโด รถยนต์ มูลค่ารวมกว่า 16 ล้านบาท และบางส่วนก็นำไปเล่นการพนัน (ประเภทหวย) ทั้งนี้ จะตรวจสอบว่ามีผู้อื่นเกี่ยวข้องหรือไม่ และดำเนินการตามกฎหมายฟอกเงิน โดยจะประสาน ปปง. ให้ตรวจสอบเส้นทางการเงินและยึดทรัพย์สินต่อไป


          โดย นางสาวณิชภัทร ให้การทั้งน้ำตาว่า เห็นเฟซบุ๊กอื่นทำในลักษณะเดียวกันคิดว่าได้เงินดี จึงตั้งกลุ่มขึ้นมา เพราะอยากได้เงินจากการทำหน้าที่เป็นคนกลาง ช่วงแรกก็สามารถจ่ายเงินปันผลคืนให้กับสมาชิกได้ในราคาร้อยละ 3 ขณะที่ตนจะได้ค่าตอบแทนร้อยละ 6 มีเงินหมุนเวียนประมาณ 50 ล้านบาท จนระยะหลังเริ่มหมุนเงินไม่ทัน ทำให้ผู้เสียหายไม่ได้รับเงินปันผล อีกทั้งตนยังเป็นหนี้นอกระบบ ถูกเจ้าหนี้ตามทวงตลอด จึงตัดสินใจหลบหนี กระทั่งถูกจับกุมตัว ยืนยันว่าตนไม่มีเจตนาโกง แต่เมื่อทำให้ผู้เสียหายโกรธแค้น ก็ขออโหสิกรรมด้วย พร้อมทั้งบอกว่าความโลภ ไม่รู้จักพอ อาจนำมาซึ่งการไม่เหลืออะไรเลย ถือว่าเป็นบทเรียน

          อย่างไรก็ตาม ขณะแถลงข่าว มีผู้เสียหายประมาณ 20 คน ที่ถูกผู้ต้องหาหลอกให้ร่วมลงทุน ร่วมรับฟังด้วย โดยส่วนใหญ่เป็นเพื่อนสนิทกับคนรู้จัก จึงไม่ขออโหสิกรรมให้ พร้อมขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจคัดค้านการให้ประกันตัว เพราะสร้างความเสียหายเป็นเงินจำนวนมาก

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก