x close

คุณแม่เจ็บปวดใจ ลูกป่วยหนักไข้สูงแต่ไม่ได้รักษา ต้องรอ 10 ชั่วโมง ถึงได้เจอหมอ

รอหมอ

          แม่ลูกอ่อนเล่าประสบการณ์ฝันร้าย ลูกวัย 6 สัปดาห์ป่วยหนักไข้สูง แต่ต้องรอ 10 ชั่วโมง กว่าจะได้รักษา เจ้าตัวตั้งคำถาม ทำไมต้องรอ ทั้งที่อาการหนักขนาดนี้

          สำหรับคนเป็นแม่นั้น คงไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่าช่วงเวลาที่ลูกตัวน้อยล้มป่วย แล้วยิ่งต้องทนดูลูกเป็นทุกข์โดยที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลยนั้นยิ่งแย่ นี่คือสิ่งที่ เจสสิก้า มุสตาฟา คุณแม่ลูกอ่อนชาวอังกฤษ ประสบพบเจอ โดยในวันศุกร์ที่ 15 กันยายน 2560 มัลลิคี ลูกชายวัย 6 สัปดาห์ของเธอ มีอาการป่วยหนัก เขาดูทุรนทุรายเพราะไข้ขึ้นสูงถึง 38.4 องศาเซลเซียส เธอรีบโทร. เรียกรถพยาบาลให้มารับลูก แต่การดำเนินการเป็นไปอย่างล่าช้ามาก และเมื่อเธอถึงห้องฉุกเฉินก็ไม่ได้รับการรักษาโดยทันที ทำให้เธอต้องรอ รอ และรอ กว่าที่มัลลิคีตัวน้อยจะได้พบหมอ เวลาก็ผ่านไปนานกว่า 10 ชั่วโมง
          จากการรายงานของเว็บไซต์มิเรอร์ เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2560 ระบุว่า เจสสิก้าโทร. หา 111 (หมายเลขของหน่วยงานบริการด้านสุขภาพของอังกฤษ) ในเวลา 21.18 น. หลังจากมัลลิคีมีไข้ขึ้นสูงถึง 38.4 องศาเซลเซียส มีอาการง่วงซึมและมีผื่นขึ้นผิวหนังบริเวณชายโครง เจ้าหน้าที่ผู้รับสายได้ติดต่อไปยัง 999 ซึ่งเป็นหมายเลขสำหรับแจ้งเหตุฉุกเฉินและแจ้งขอรถพยาบาลให้กับเจสสิก้า แต่เคราะห์ร้ายของเธอ เนื่องจากไม่มีรถพยาบาลแบบฉุกเฉินให้บริการในขณะนั้น ซึ่งเจสสิก้าจำเป็นต้องรอ แต่เจ้าหน้าที่ก็อยู่ในสายคุยกับเธอจนถึง 21.40 น.

          ในเวลา 22.40 น. เจ้าหน้าที่หน่วยบริการด้านสุขภาพก็มาถึง แต่พวกเขามาโดยรถยนต์ ไม่ใช่รถพยาบาล พวกเขาตรวจร่างกายมัลลิคีและแจ้งกับเจสสิก้าว่า เธอจำเป็นต้องเลือกว่าจะให้มัลลิคีไปรักษาที่โรงพยาบาลไหน ระหว่างโรงพยาบาลลินคอล์นกับโรงพยาบาลบอสตัน แต่ถึงอย่างนั้นเธอจะต้องรอนานมากกว่าจะมีรถพยาบาลฉุกเฉินมารับ ทางเจ้าหน้าที่จึงแนะนำให้เธอพาลูกไปโรงพยาบาลเอง

          ตอนนั้นมัลลิคีเริ่มมีผื่นลามไปถึงบริเวณหลังแล้ว ไข้ของเขาก็สูงกว่าเดิม จาก 38.4 องศาเซลเซียส ไปเป็น 39.1 องศาเซลเซียส เจ้าหน้าที่พยาบาลให้ยา Calpol เพื่อลดไข้ให้กับเขา และหลังจากรอมานานหลายชั่วโมง มัลลิคีก็ได้ไปโรงพยาบาลสักที โดยเขาเข้าห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลลินคอล์นในเวลาประมาณ 01.00 น. ตอนนั้นเจสสิก้าคิดว่าลูกชายของเธอจะได้รับการรักษาเป็นการเร่งด่วน แต่เธอก็ต้องนั่งรอ เพราะห้องฉุกเฉินมีคนไข้เยอะมาก

          "เราต้องนั่งรออยู่ในห้องฉุกเฉินนานเกิน 1 ชั่วโมง ตอนนั้นผื่นลามไปทั่วร่างของมัลลิคีรวมทั้งแผ่นหลัง คอ หน้าอก และแขนซ้าย" เจสสิก้า เล่า

          ในขณะที่กำลังนั่งรออยู่นั้น อุณหภูมิร่างกายของมัลลิคีลดลงเพราะยาลดไข้ พยาบาลจึงอนุญาตให้เจสสิก้าให้นมเขาได้ เจสสิก้าแจ้งกับพยาบาลไปว่าเธอเป็นกังวลว่าลูกชายจะมีอาการเยื่อหุ้มสมองอักเสบ (Meningitis) แต่พยาบาลกลับไม่คิดเช่นนั้น เมื่อเจสสิก้าถามกลับไปว่าเมื่อไรจะได้พบหมอ พยาบาลก็แจ้งว่าต้องรอ อย่างน้อย 1 ชั่วโมงครึ่ง เจสสิก้าจึงพาลูกกลับไปนั่งที่ห้องนั่งรอ ซึ่งตอนนั้นมัลลิคีเริ่มร้องไห้งอแงแล้ว เขาร้องเสียงดังไม่หยุด ดิ้น และตัวก็ร้อนขึ้นเรื่อย ๆ

          หนึ่งชั่วโมงต่อมา เจสสิก้าไปถามเจ้าหน้าที่อีกรอบว่าเธอจะได้พบหมอตอนไหน ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็บอกแค่ว่าต้องรอ เจสสิก้าจึงบอกไปว่าตอนนี้ลูกของเธอตัวร้อนมาก เธอขอให้พวกเขาวัดไข้ให้อีกครั้งและให้ยาพาราเซตามอลกับเขาเพื่อลดไข้ เจ้าหน้าที่ก็แจ้งกับเธอว่าเดี๋ยวจะมีคนมาดูให้ เจสสิก้าก็นั่งรอ แต่ก็ไม่มีใครมาดูเลย

          หลังจากรอมานาน เจสสิก้าทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอเดินกลับไปที่เคาน์เตอร์เดิมและโวยวายว่าลูกชายวัยทารกของเธอมีไข้สูงและป่วยมาก เธอต้องการเจอหมอเดี๋ยวนี้ แต่เจ้าหน้าที่ก็แจ้งเธออีกว่าเธอต้องรอเรียกชื่อถึงจะได้พบหมอ เจสสิก้าทำอะไรไม่ได้และต้องรอต่อไปอีก

          จนกระทั่งในเวลาประมาณ 07.30 น. เจสสิก้าและมัลลิคีก็ได้พบหมอในที่สุด รวมเวลาที่ต้องนั่งรอในห้องฉุกเฉินทั้งหมดคือ 6 ชั่วโมงครึ่ง มีหมอมาตรวจร่างกายมัลลิคีคร่าว ๆ และบอกว่าเขาเป็นหลอดลมอักเสบ ซึ่งเขาไม่จำเป็นต้องรับยาใด ๆ และสามารถกลับบ้านได้เลย แต่เมื่อกุมารแพทย์มาตรวจร่างกายมัลลิคีโดยละเอียด ก็พบว่าเขามีอาการติดเชื้อ หมอจึงเจาะเลือดไปตรวจ ให้ยาพาราเซตามอลกับยาไอบูโพรเฟน เพื่อแก้ปวดและลดไข้ รวมทั้งยาฆ่าเชื้ออีกหลายตัว และให้น้ำเกลืออีกด้วย

          หลังจากนั้นมัลลิคีก็ถูกย้ายไปยังแผนกเด็ก เจ้าหน้าที่ต้องให้เจสสิก้าเซ็นใบอนุญาตให้พวกเขาเจาะน้ำไขสันหลังของมัลลิคีไปตรวจ เพื่อจะได้ทราบผลร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าเขาปลอดภัยหรือมีอาการเยื่อหุ้มสมองอักเสบอย่างที่เจสสิก้ากังวล และพวกเขาก็อธิบายว่าถ้าเป็นจริง ๆ จะต้องรักษาอย่างไร ต้องทำอะไรบ้าง ซึ่งเจสสิก้ากล่าวว่าเจ้าหน้าที่ทุกคนในแผนกกุมารแพทย์ดีมาก ๆ

          แต่ทั้งหมดนี้ เจสสิก้าไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้าหน้าที่ห้องฉุกเฉินถึงไม่รีบรักษาเด็กทารกวัย 6 สัปดาห์ที่ป่วยหนักไข้ขึ้นสูง เธอต้องนั่งรอนานกว่า 10 ชั่วโมงกว่าจะได้เจอหมอ ทั้ง ๆ ที่ลูกเธออาการหนักมาก แถมยังบอกว่าเขาเป็นหลอดลมอักเสบ ซึ่งมันไม่ใช่ เธอไม่เข้าใจว่าทำไมถึงไม่มีใครฟังเธอเลย

          "นี่มันคือฝันร้ายชัด ๆ ฉันพยายามนึกให้ออกว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่มันเหนื่อยและล้ามาก ๆ ทุกอย่างเบลอไปหมด" เจสสิก้า กล่าว

          หลังเกิดเรื่อง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลลินคอล์นได้ออกมาแสดงความเสียใจและขอโทษเจสสิก้ากับครอบครัวสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น เขาชี้แจงว่าห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลนั้นคนแน่นตลอดทั้งคืน เพราะมีผู้ป่วยอาการหนักรอรับการรักษาเป็นจำนวนมาก ผู้ป่วยทุกคนจะได้รับการรักษาตามลำดับอาการ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ผู้ป่วยบางคนก็จำเป็นต้องรอ แต่อย่างไรก็ตาม ผู้อำนวยการก็กล่าวว่า ทางโรงพยาบาลจะสืบสวนเรื่องที่เกิดขึ้นแน่นอน

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
คุณแม่เจ็บปวดใจ ลูกป่วยหนักไข้สูงแต่ไม่ได้รักษา ต้องรอ 10 ชั่วโมง ถึงได้เจอหมอ อัปเดตล่าสุด 21 กันยายน 2560 เวลา 15:18:33 10,236 อ่าน
TOP