วันที่ 27 กันยายน 2560 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยนายชีพ จุลมนต์ รองประธานศาลฎีกา เจ้าของสำนวนคดีจำนำข้าวคดีหมายเลขดำ อม.22/2558 พร้อมองค์คณะรวม 9 คน นัดฟังคำพิพากษาคดีที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลย ในความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 กรณีละเลยไม่ดำเนินการระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งทำให้รัฐเสียหายกว่า 5 แสนล้านบาท
ด้านนายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เป็นผู้เดินทางมาฟังคำพิพากษาคดีจำนำข้าว เผยว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการติดต่อมาจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ และตนเองก็ไม่ทราบว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ อยู่ที่ไหน ซึ่งทีมทนายเองก็ยังไม่ได้พูดคุยหารือถึงแนวทางคำพิพากษาแต่อย่างใด
สำหรับการนัดฟังคำพิพากษาในครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ศาลได้เลื่อนอ่านคำพิพากษาคดีนี้ เนื่องจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังไม่เดินทางมาศาล โดยให้ทนายแจ้งว่ามีอาการป่วยน้ำในหูไม่เท่ากัน มีอาการวิงเวียนศีรษะอย่างรุนแรง ไม่สามารถเดินทางมาศาลได้ จึงขอเลื่อนการฟังคำพิพากษา ส่วนโจทก์คัดค้านไม่เชื่อว่าจำเลยป่วยจริง เนื่องจากไม่มีใบรับรองแพทย์ ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ไม่เชื่อว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ป่วยถึงขนาดมาศาลไม่ได้ พฤติการณ์มีเหตุอันควรให้เชื่อได้ว่าจำเลยหลบหนี จึงให้ออกหมายจับจำเลย และปรับนายประกันเต็มสัญญา (30 ล้านบาท) จึงเป็นสาเหตุของการเลื่อนมาฟังคำพิพากษาในวันนี้