สองผัวเมียแพะเผาสวนยาง ปาดน้ำตาใกล้เข้าคุก-จนท.ยุติธรรม ยื่นมือเข้าช่วย

สองผัวเมียแพะเผาสวนยาง

สองผัวเมียแพะเผาสวนยาง

          น้ำตาคนจน...สองผัวเมียปาดน้ำตาเตรียมตัวเข้าคุก หลังถูกตำรวจหลอกเซ็นรับข้อกล่าวหาเผาสวนยาง ล่าสุด จนท.ยุติธรรม ลงพื้นที่ยื่นมือเข้าช่วยแล้ว

          ภาพของสองสามีภรรยาร่ำไห้น้ำตาตก ดวงตาแดงก่ำ ด้วยเพราะกำลังต้องเผชิญชะตากรรมกับข้อหาเผาหญ้าลามสวนยางพาราจนสร้างความเสียหายกว่า 5 หมื่นบาท และถูกตำรวจหลอกให้เซ็นเอกสาร 2 ครั้งโดยไม่รู้หนังสือว่า นั่นคือการเซ็นรับสารภาพ ทำให้พวกเขารู้สึกสิ้นหวัง หมดหนทาง และหวั่นกลัวว่าจะต้องติดคุกในอีกไม่กี่วันนี้แล้ว (ศาลนัด 10 ตุลาคม 2560)
สองผัวเมียแพะเผาสวนยาง

          เพจ ONBnews รายงานเรื่องราวของคดีนี้เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2560 โดยระบุว่า นายนิรันต์ แสงคม อายุ 43 ปี และนางโสวภา แสงคม สองสามีภรรยา อาศัยอยู่ใน ต.ตาลเลียน อ.กุดจับ จ.อุดรธานี ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีเผาหญ้าแล้วลามไปติดสวนยาง โดยทั้งสองต่างร่ำไห้ พร้อมเล่าว่า เมื่อต้นปี 2558 มีนายจ้างเป็นหญิงมาติดต่อให้ไปตัดอ้อยที่บ้านโนนสำราญ อ.สุวรรณคูหา จ.หนองบัวลำภู จึงรวบรวมเพื่อนคนงานประมาณ 15 คน ไปทำงานดังกล่าว พอไปถึงคนงานก็จุดไฟเผาหญ้าและใบอ้อยแห้งเพื่อง่ายต่อการทำงาน ซึ่งเผาตอน 06.00 น. พอช่วง 08.00 น. ไฟก็ดับ พวกเราจึงเร่งตัดอ้อยทันที พอเสร็จก็เดินตรวจความเรียบร้อยว่ายังมีไฟติดอยู่หรือเปล่า ปรากฏว่าไฟดับสนิทแล้ว ทว่าตกเย็นนายจ้างกลับโทร. มาบอกว่า ไฟลามไปติดสวนยางข้าง ๆ จนเสียหาย

สองผัวเมียแพะเผาสวนยาง

          ต่อมา ตำรวจ สภ.สุวรรณคูหา ได้เรียกให้คนงานวันนั้นและนายจ้างไปสอบปากคำ โดยแจ้งแค่ว่า เพื่อไปเป็นพยานเฉย ๆ พอผ่านไป 5 วัน กลับมีหมายเรียกส่งมาที่บ้าน ระบุว่า "ผมกับเมียเป็นผู้ต้องหาในคดีร่วมกันทำให้เกิดเพลิงไหม้โดยประมาท เป็นเหตุให้ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย มูลค่า 51,245 บาท" ตอนนั้นผมตกใจมาก ทำอะไรไม่ถูก บอกว่าไม่ได้เป็นคนจุดไฟ แต่ทางตำรวจอ้างว่าแค่ไปเป็นพยานกลับเอามาเป็นผู้ต้องหา แถมตำรวจยังบอกให้เซ็นชื่อไปเหอะเรื่องจะได้จบ ด้วยความที่ไม่รู้เรื่องหนังสือ จึงยอมเซ็นไป ปรากฏว่ามันเป็นหนังสือที่ผู้ต้องหายอมรับสารภาพว่าก่อเหตุจริง จึงรู้ว่าโดนตำรวจหลอกถึง 2 ครั้ง นายจ้างหญิงก็บอกว่าเดี๋ยวจะหาทนายมาช่วย แต่ก็ไม่มีใครมาช่วย ล่าสุดศาลนัดให้ไปพบวันที่ 10 ตุลาคม 2560 เวลา 09.00 น.

สองผัวเมียแพะเผาสวนยาง

          สองสามี-ภรรยา กล่าวด้วยว่า เรายากจนมาก หาเช้ากินค่ำ ไม่มีเงินหรือหลักทรัพย์ไปประกันตัว ชะตากรรมคือคงต้องติดคุกแน่นอน ตนเพิ่งผ่ากระเพาะมาทำงานหนักไม่ได้ มีแต่ภรรยาที่เป็นเสาหลัก เลี้ยงลูก 3 คน อายุ 17 ปี, 13 ปี และ 4 ขวบ มีรายได้วันละ 100-200 บาท จากการขายผักมัดละ 5-10 บาท บางวันก็ขายไม่ได้ ห่วงแต่ว่า ถ้าพ่อแม่ติดคุกแล้วลูก ๆ ทั้ง 3 ใครจะดูแล เป็นผู้หญิงหมดด้วย ยืนยันว่า วันเกิดเหตุไม่ได้เป็นคนจุดไฟเผาอ้อยก่อนตัดส่งโรงงาน มีเพียงนับมัดอ้อย ส่วนสามีมีหน้าที่ขับรถรับ-ส่งคนงานเท่านั้น ส่วนคนอื่นที่ไปตัดอ้อยดันไม่ถูกจับด้วย จึงอยากร้องขอความเป็นธรรม



          อย่างไรก็ตาม ล่าสุด (3 ตุลาคม 2560) เพจแหม่มโพธิ์ดำ รายงานความคืบหน้าว่า มีเจ้าหน้าที่สำนักงานยุติธรรม จ.อุดรธานี ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือแล้ว และได้พูดคุยถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น เบื้องต้นได้เบิกเงินจากกองทุนยุติธรรมเพื่อมาประกันตัวให้คนละ 100,000 บาท

สองผัวเมียแพะเผาสวนยาง

          โดยนายทวีศักดิ์ สารทรัพย์ ยุติธรรม จ.อุดรธานี เผยว่า ทราบว่าผัวเมียคู่นี้ถูกจับในลักษณะทำการประมาทเป็นเหตุทำให้เกิดเพลิงไหม้สวนยางพาราที่อยู่ข้างเคียง จากที่ลงมาดูและได้พูดคุยมีหลายมุมที่เราต้องลงมาดูแลและให้การช่วยเหลือดูแล้วไม่ได้รับความเป็นธรรม จากการสอบถามเบื้องต้นยังไม่ชอบมาพากลหลายเรื่องอยู่ เราจะดำเนินการช่วยทุกอย่างจนจบคดี ทั้งเรื่องเงินประกันตัว และตั้งทนายช่วยเรื่องคดี



ภาพและข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก ONBnews, แหม่มโพธิ์ดำ
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
สองผัวเมียแพะเผาสวนยาง ปาดน้ำตาใกล้เข้าคุก-จนท.ยุติธรรม ยื่นมือเข้าช่วย อัปเดตล่าสุด 5 ตุลาคม 2560 เวลา 14:32:32 25,161 อ่าน
TOP
x close