วันที่ 3 ตุลาคม 2560 เว็บไซต์เมโทร รายงานว่า ศาลในเมืองเบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ ได้เริ่มเปิดฉากการไต่สวนคดีของ อารอน บาร์ลีย์ วัย 23 ปี ที่ได้ก่อเหตุฆาตกรรมคู่แม่ลูกผู้ซึ่งเคยหยิบยื่นความเมตตาให้แก่ตัวเอง มอบทั้งอาหาร บ้าน งาน และมิตรภาพแสนอบอุ่นให้ ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นได้สร้างความช็อกแก่คนในสังคมรวมถึงคนในครอบครัวของเหยื่อเป็นอย่างมาก
อารอนยังเคยได้รับคำชวนมาทานมื้อเย็นที่บ้านของครอบครัววิลกินสันอีกหลายครั้ง ในขณะที่ปีเตอร์เองก็พยายามที่จะทำความเข้าใจในตัวของชายไร้บ้านผู้นี้ เพื่อจะมอบความช่วยเหลือให้ ปีเตอร์ยังจำได้ว่าครั้งหนึ่งอารอนเคยบอกกับเขาว่า "ผมต้องการแค่ใครสักคนที่หยิบยื่นโอกาสให้" ซึ่งจากนั้นไม่นานปีเตอร์ที่เป็นเจ้าของธุรกิจหลายอย่าง ก็ตัดสินใจจ้างอารอนเข้าทำงานในตำแหน่งหนึ่งในเดือนเมษายน 2559
แต่ครอบครัววิลกินสันไม่คิดเลยว่าในเดือนกันยายนปีเดียวกันนั้น อารอนจะออกจากงานและหันหน้าเข้าหายาเสพติด ดังนั้นในฐานะนักธุรกิจทำให้ปีเตอร์จำเป็นต้องให้เขาออกจากงานในที่สุด อารอนหายหน้าไปพักหนึ่งกระทั่ง 2 เดือนให้หลัง ปีเตอร์กับเทรซี่ก็ได้พบชายคนนี้มานอนอยู่ข้างถนนอีก ในสภาพถูกทำร้ายร่างกายมาอย่างหนัก ทำให้คู่สามีภรรยาตัดสินใจช่วยเหลือเขาอีกครั้ง ทั้งหาที่พักและงานให้
มิตรภาพและความช่วยเหลือที่ครอบครัววิลกินสันหยิบยื่นให้ชายคนนี้ ดำเนินมาด้วยดีตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา อารอนยังเคยให้การ์ดแก่เทรซี่พร้อมข้อความที่เขียนว่า "ถึงแม่ที่ผมไม่เคยมี" ด้วยซ้ำ
จนกระทั่งวันที่ 30 มีนาคม 2560 ฝันร้ายของครอบครัวแสนใจดีนี้ก็มาถึง เมื่ออารอนได้บุกเข้าไปในบ้านของพวกเขายามเช้าตรู่ และก่อเหตุสังหารเทรซี่ รวมถึงลูกชายวัย 13 ปีของเธออย่างเลือดเย็น แถมยังซุ่มรอเพื่อจะลงมือกับปีเตอร์ด้วย
โดยปีเตอร์ซึ่งรอดชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนั้นมาได้ เผยว่า เขาจำได้ว่าทุกอย่างดำเนินไปอย่างปกติ เขาพาสุนัขไปเดินเล่นในตอนเช้า แต่แล้วในตอนที่กลับมาบ้าน มองผ่านหน้าต่างเข้าไปในบ้านก็ไม่เห็นใครเลย อย่างไรก็ตามเขาคิดว่าคนอื่น ๆ แค่หลับกันเพลิน จึงเปิดประตูหลังบ้านเข้าไป ตอนนั้นเองที่อารอนกระโดดออกมาจากหลังกำแพงพร้อมมีดเล่มใหญ่ ก่อนจะแทงเข้าที่ตัวเขา 6 ครั้ง ที่หน้า บริเวณท้อง และที่หลัง
เขายังจำได้ว่าอารอนตะโกนใส่เขาว่า "ตายซะ !" และทั้ง ๆ ที่เขาบอกอารอนว่า "ฉันพยายามจะช่วยนายนะ" แต่อารอนก็ยังคงใช้มีดแทงที่ท้องของเขา และไม่ยอมพูดอะไรอย่างอื่นเลยนอกจาก "ตายซะ !"
จากนั้นปีเตอร์ก็ได้ยินเสียงอารอนขโมยรถของเขาแล้วขับออกไป ดังนั้นเขาจึงพยายามลุกขึ้นและโทร. เรียกหน่วยบริการฉุกเฉิน ก่อนจะไปนั่งรอความช่วยเหลือที่สวน ระหว่างนั้นเขายังคิดเลยว่าตัวเองน่าจะไม่รอด เขาสัมผัสได้ถึงของเหลวที่ท่วมปอด รู้สึกถึงพลังงานที่หดหายไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งรถพยาบาลมาถึง พร้อมกับตำรวจ
ปีเตอร์ยังบอกเจ้าหน้าที่บนรถพยาบาลให้เข้าไปดูในบ้าน แต่แล้วก็มีเจ้าหน้าที่นายหนึ่งเดินมาด้านหลังของเขา บอกว่า "มีผู้เสียชีวิต 1 คน และอีกคนหัวใจหยุดเต้น" ซึ่งนั่นทำให้ปีเตอร์รู้ในทันที ว่าเขาเสียภรรยากับลูกชายไปแล้ว
ขณะที่สื่อบางแห่งมีรายงานว่า ก่อนที่จะเกิดเหตุฆาตกรรมดังกล่าว ครอบครัวที่เคยให้ความช่วยเหลืออารอนได้แจ้งเรื่องไปยังตำรวจ ด้วยความกังวลในข้อความที่อารอนโพสต์ในโซเชียลของเขา ว่าอาจเป็นภัยคุกคามพวกเขา รวมถึงได้ยกเลิกสัญญาโทรศัพท์มือถือที่เคยจ่ายเงินให้อารอนใช้ด้วย ขณะที่ปีเตอร์เผยว่า ส่วนตัวเขาเชื่อว่าอารอนอาจจะไม่พอใจที่ตัวเองต้องเสียงาน เสียบ้านไป คิดว่าชีวิตตัวเองกำลังดำเนินไปในทางที่เลวร้าย เลยตามมาเอาคืนจากคนที่เคยดูแลเขา
ทั้งนี้คดีดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการสอบสวน ซึ่งอารอนยังต้องรอคำตัดสินพิจารณาคดีจากศาลหลังจากนี้ ว่าเขาจะต้องรับโทษอย่างไรจากการก่อเหตุในครั้งนี้
ข้อมูลจาก metro.co.uk, bbc.co.uk