ผุดข้อสันนิษฐานใหม่ มือกราดยิงลาสเวกัส อาจไม่ได้ลงมือเพียงลำพัง ชี้มีอาวุธและวัตถุระเบิดในปริมาณที่ไม่น่าจัดหาเองได้ เชื่อ สตีเฟน แพดด็อก อาจมีแผนหนีหลังก่อเหตุ
ยังคงเป็นกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อหาความจริงและมูลเหตุจูงใจเบื้องหลังการก่อเหตุกราดยิง ที่เทศกาลดนตรีคันทรี Route 91 Harvest Music Festival ถนนลาสเวกัส สตริป ใกล้กับโรงแรมมัณฑะเลย์ เบย์ ในนครลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา จนเป็นผลให้มีผู้เสียชีวิต 59 ราย กลายเป็นเหตุกราดยิงที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ
ขณะที่ล่าสุด (5 ตุลาคม 2560) เว็บไซต์เดลี่เมล มีรายงานความคืบหน้าจากการแถลงข่าวที่นำโดย นายอำเภอโจเซฟ ลอมบาร์โด จากสำนักงานตำรวจลาสเวกัส ซึ่งได้เผยถึงความเป็นไปได้ที่ นายสตีเฟน แพดด็อก วัย 64 ปี ผู้ก่อเหตุกราดยิงครั้งนี้ จะมีแผนหลบหนีไว้ล่วงหน้า ไม่ได้ตั้งใจจบชีวิตตัวเองในที่เกิดเหตุ
แม้ว่านายอำเภอโจเซฟจะไม่เผยรายละเอียดที่สนับสนุนความเชื่อดังกล่าว แต่เขามีความมั่นใจในข้อสันนิษฐานนี้ รวมทั้งเชื่อมั่นว่านายสตีเฟนน่าจะมีผู้สมรู้ร่วมคิดให้การช่วยเหลือ ไม่ได้ลงมือก่อเหตุเพียงคนเดียวตามที่คาดการณ์ไว้ตั้งแต่ต้น เนื่องจากการวางแผนของเขามีความซับซ้อนมากจนชายคนนี้อาจเป็นยอดมนุษย์ หากทำทั้งหมดได้ด้วยตัวคนเดียว
สาเหตุที่ชวนให้คาดการณ์เช่นนั้น ส่วนหนึ่งเนื่องจากเจ้าหน้าที่พบปืนไรเฟิล 23 กระบอกและกระสุนหลายแม็กกาซีน ถูกทิ้งไว้ในห้องพักของนายสตีเฟน นอกจากนี้ยังมีอาวุธจำนวนมากที่บ้านของเขา และยังพบว่าเขาเตรียมรถที่มีวัตถุระเบิดอยู่ในปริมาณที่ไม่น้อย ซึ่งเขาไม่น่าจัดหาของทั้งหมดนี้ได้ด้วยตัวเอง
ทั้งนี้หากข้อสันนิษฐานเรื่องมีผู้สมรู้ร่วมคิดกับนายสตีเฟนเป็นจริงขึ้นมา ก็จะสอดคล้องกับกระแสข่าวที่มีพนักงานโรงแรมมัณฑะเลย์ เบย์ ชื่อ โทนี่ เฮอร์นานเดซ อาร์เมนตา ได้ใช้เฟซบุ๊กโพสต์ภาพใบเสร็จจากการใช้บริการรูมเซอร์วิสของนายสตีเฟน โดยใบเสร็จดังกล่าวระบุไว้ว่ามีจำนวนแขกในห้องพัก 2 คน และมีการสั่งอาหารในปริมาณมากเกินกว่าจะเป็นอาหารสำหรับคนเพียงคนเดียว
ที่น่าจับตายิ่งกว่านั้น คือใบเสร็จดังกล่าวลงวันที่ 27 กันยายน ซึ่งนั่นหมายความว่านายสตีเฟนได้เข้ามาอยู่ในห้องนี้กับใครบางคน ก่อนที่เขาจะลงมือก่อเหตุสังหารหมู่
แม้ว่าต่อมาพนักงานโรงแรมรายนี้จะลบภาพไป แต่กลับมีนักข่าวอาชญากรรมชื่อ ลอร่า ลูเมอร์ เก็บภาพไว้ได้ทัน โดยเธอยังอ้างข้อมูลที่ได้รับจากแหล่งข่าวด้วยว่า นายสตีเฟนน่าจะเข้าพักที่โรงแรมแห่งนี้ตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน ซึ่งไม่ตรงกับข้อมูลที่เอฟบีไอและนายอำเภอแถลงไว้ก่อนหน้านี้ ว่ามือปืนเช็กอินเข้าพักตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน
ข้อมูลจาก mirror.co.uk