x close

เปิดประวัติ เซบาสเตียน เคิร์ซ ว่าที่นายกฯ ออสเตรีย ผู้นำที่อายุน้อยที่สุดในโลก





          ส่องประวัติของ เซบาสเตียน เคิร์ซ นักการเมืองหนุ่มที่น่าจับตามอง ว่าที่นายกรัฐมนตรีออสเตรีย และกำลังจะขึ้นแท่นเป็นผู้นำประเทศที่อายุน้อยที่สุดในโลก

          การเลือกตั้งออสเตรียเริ่มต้นขึ้นแล้วตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม 2560 ถึงแม้ว่าในขณะนี้ยังไม่สิ้นสุดอย่างเป็นทางการ แต่พรรคประชาชน (People's Party) ก็ได้ประกาศชัยชนะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เนื่องจากได้คะแนนไปแล้ว 31.4 เปอร์เซ็นต์ ส่งผลให้ เซบาสเตียน เคิร์ซ (Sebastian Kurz) ผู้เป็นหัวหน้าพรรค กำลังจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของประเทศ ที่น่าสนใจก็คือ เขาจะเป็นผู้นำประเทศ (ที่ไม่ใช่พระมหากษัตริย์) ที่มีอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ออสเตรียและของโลก เนื่องจากเขามีอายุแค่ 31 ปี เท่านั้น (อ่านเพิ่มเติมที่ : เซบาสเตียน เคิร์ซ ว่าที่ นายกฯ ออสเตรีย สร้างสถิติผู้นำประเทศที่อายุน้อยที่สุด)
          การขึ้นสู่อำนาจของ เซบาสเตียน เคิร์ซ ทำให้โลกทั้งใบหันมาสนใจเขา และตั้งคำถามมากมายว่า ทำไมชายหนุ่มอายุเพียงแค่นี้ถึงสามารถก้าวมาถึงจุดนี้ เขาเป็นใครกัน ทำไมเขาถึงเอาชนะใจประชาชนได้ และนี่คือข้อมูลคร่าว ๆ เกี่ยวกับชีวิตของเขา


1. ชีวิตส่วนตัว ครอบครัว และการศึกษา

          เซบาสเตียน เคิร์ซ เกิดเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2529 ที่กรุงเวียนนา เมืองหลวงของประเทศออสเตรีย หลังจากเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาในปี 2547 เขาก็เข้าศึกษาต่อด้านกฎหมายที่มหาวิทยาลัยเวียนนา เคิร์ซสนใจด้านการเมืองมาตั้งแต่อายุ 10 ขวบ ซึ่งเมื่อเขาโตขึ้น เขาก็จริงจังกับมันมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งในที่สุด เขาก็ลาออกจากมหาวิทยาลัย เพื่อไปเล่นการเมืองแบบเต็มตัว

          ด้วยความที่เขาเป็นคนมุ่งมั่นและจริงจังกับสิ่งที่ตัวเองสนใจ หลายคนจึงคิดว่าเขาคงจะไม่มีเวลามาสนใจเรื่องความรัก แต่จริง ๆ แล้วไม่เป็นเช่นนั้นเลย เคิร์ซก็เหมือนคนหนุ่มทั่ว ๆ ไปในวัยของเขา เขาเองก็มีชีวิตส่วนตัวที่แยกออกจากโลกการเมือง เขารักสุนัข รักเด็ก เป็นมิตรกับคนชรา ถึงแม้ว่าเขาจะยังไม่แต่งงาน แต่ก็มีคนรัก และเธอคนนั้นมีชื่อว่า ซูซานน์ ธิเยอร์ (Susanne Thier)


เซบาสเตียน เคิร์ซ และ ซูซานน์ ธิเยอร์ หญิงสาวที่เขารัก

          เคิร์ซพบกับซูซานน์ครั้งแรก ตอนที่เขาอายุ 18 ปี และจากความรักใส ๆ วัยรุ่นในตอนนั้น ก็กลายเป็นคนที่คอยเคียงข้างกันในวันนี้ ซูซานน์ก็อยู่ในแวดวงการเมืองเช่นกัน โดยเธอทำงานอยู่ในกระทรวงการคลัง เธอสนับสนุนเคิร์ซมาตลอด ในช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งนั้น ผู้คนจะพบเห็นเธออยู่เคียงข้างเคิร์ซเสมอ กลายเป็นภาพน่ารักอบอุ่นใจ ที่ประทับใจใครหลาย ๆ คน โดยเฉพาะคนหนุ่มสาว

2. เข้าสู่วงการการเมือง

          หลังจากที่เคิร์ซลาออกจากมหาวิทยาลัย เขาก็มุ่งมั่นเรื่องการเมืองมาโดยตลอด โดยในปี 2552 เคิร์ซได้เป็นหัวหน้าปีกเยาวชนของพรรคประชาชน และในปี 2553 เคิร์ซในวัย 24 ปี ลงสมัครเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภานครเวียนนา แคมเปญของเขามีสโลแกนว่า Schwarz macht geil ซึ่งหมายถึง สีดำสิเจ๋ง (Black is Cool) ซึ่งสามารถสื่อได้ว่า พรรคประชาชนน่ะเจ๋ง เพราะสีดำคือสีของพรรคประชาชน แน่นอน เขาชนะการเลือกตั้ง และนั่นคือจุดเริ่มต้นอาชีพในแวดวงการเมืองอย่างเป็นทางการ


3. การขึ้นสู่อำนาจ

          เซบาสเตียน เคิร์ซ เป็นนักการเมืองสายอนุรักษนิยม และเป็นที่ชื่นชอบอย่างมากในกลุ่มคนหนุ่มสาว ถึงแม้ว่าเขาจะอายุยังน้อย ไม่มีเส้นสาย ไม่มีประสบการณ์ แต่เขาก้าวหน้าในอาชีพได้อย่างรวดเร็ว โดยในปี 2554 เขาได้เป็นเลขานุการในหน่วยงานด้านบูรณาการ และต่อมาในปี 2556 เคิร์ซในวัย 27 ปี ได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งเป็นบุคคลที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ยุโรป ที่ได้ขึ้นสู่ตำแหน่งนี้


4. นโยบายผู้อพยพ

          เคิร์ซมีความแตกต่างจากนักการเมืองคนอื่น ๆ และมีแนวคิดแตกต่างจากประเทศอื่น ๆ ในเรื่องผู้อพยพ เขาไม่ได้มีแนวคิดเสรีเปิดกว้าง แต่ก็ไม่ได้ขวาแบบสุดโต่ง เขาเล็งเห็นว่าเรื่องผู้อพยพเป็นปัญหาสำคัญที่ต้องแก้ไข เขาทราบดีว่า 1 ใน 5 ของประชากรออสเตรีย คือประชากรที่อพยพมาจากที่อื่น ซึ่งเขาไม่สามารถให้พวกเขาเหล่านั้นออกจากประเทศไปได้ แต่เขาก็ไม่สามารถเปิดประเทศต้อนรับผู้อพยพให้เข้ามาได้อีก ดังนั้นจึงต้องจัดการอย่างมีระบบ เพื่อจะได้ช่วยเหลือได้อย่างมีประสิทธิภาพ

          แนวคิดของเคิร์ซก็คือ ออสเตรียควรรับผู้อพยพให้ได้น้อยที่สุด เท่าที่จะทำได้ เขาเล็งเห็นว่า ยิ่งออสเตรียรับผู้อพยพมากขึ้นเท่าไร ความสามารถในการช่วยเหลือพวกเขาเหล่านั้นก็ยิ่งน้อยลงเท่านั้น ตรงนี้เขามีความคิดว่า ทุกประเทศในยุโรปควรร่วมมือกันอย่างจริงจัง โดยต้องเข้าถึงผู้อพยพก่อนที่พวกเขาจะเดินทางเข้ามาในประเทศ ทั้งนี้ก็เพื่อให้ความรู้กับพวกเขาเหล่านั้น เพื่อให้พวกเขาเข้าใจถึงสิทธิและภาระหน้าที่ของตนในดินแดนใหม่


          นอกจากนี้แล้ว สมัยที่เขาเป็นเลขาธิการหน่วยงานด้านบูรณาการ เขาเป็นหัวหอกในการปรับปรุงกฎหมายผู้อพยพเสียใหม่ และได้เสนอให้จัดมาตรฐานการศึกษาให้กับผู้อพยพอีกด้วย โดยให้โรงเรียนทุกแห่งเพิ่มเวลาเรียนภาษาเยอรมันให้กับผู้อพยพที่อยู่ในวัยประถม เพราะภาษานั้นสำคัญมากและเป็นพื้นฐานของทุกอย่าง

          นโยบายของเขาเป็นทางเลือกที่โดนใจใครหลาย ๆ คน แม้แต่นางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีของเยอรมนี ก็ให้การสนับสนุนเขา เขาได้รับความนิยมจากประชาชนอย่างมาก และหลาย ๆ คนก็มองว่า เขานี่แหละ จะได้เป็นผู้นำของชาติคนต่อไป


5. หัวหน้าพรรคประชาชน และว่าที่นายกรัฐมนตรี

          หลังจากที่ นายไรน์โฮลด์ มิตเตอร์เลห์เนอร์ ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาชนในเดือนพฤษภาคม 2560 สมาชิกพรรคก็จำเป็นต้องสรรหาหัวหน้าคนใหม่ และ เซบาสเตียน เคิร์ซ ก็ได้รับคะแนนเสียงอย่างท่วมท้น และการขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองที่มีอำนาจ คือโอกาสที่ดีมากในการจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี และเขาก็คือตัวเลือกที่ดีที่สุดของพรรคด้วย เขาเป็นนักการเมืองที่มีคะแนนนิยมสูงมาก และเรียกได้ว่าสูงที่สุดในหมู่นักการเมืองด้วยกัน


          เมื่อวันเลือกตั้งมาถึง ผลคะแนนก็ไม่พลิกโผ พรรคประชาชนได้คะแนนเสียง 31.4 เปอร์เซ็นต์ ตามมาด้วยพรรคสังคมนิยมประชาธิปไตย ที่ได้คะแนน 26.7 เปอร์เซ็นต์ และพรรคอิสระ 27.4 เปอร์เซ็นต์ ทำให้เซบาสเตียน เคิร์ซ ทำลายสถิติของเอ็มมานูเอล มาครง วัย 39 ปี และกลายเป็นผู้นำประเทศที่มีอายุน้อยที่สุดในโลกไปเรียบร้อยแล้ว

          ทั้งนี้ทั้งนั้น เซบาสเตียน เคิร์ซ ยังไม่ได้ขึ้นรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ ประเด็นว่านายกฯ หนุ่มคนนี้จะบริหารประเทศไปในทิศทางไหน และจะสามารถจัดการปัญหาผู้ลี้ภัยได้จริงหรือไม่ ก็คงต้องติดตามกันต่อไป






ภาพจาก เฟซบุ๊ก Sebastian Kurz, Instagram sebastiankurz

ข้อมูลจาก haaretz.com, suffragio.org, cnbc.com, sites.psu.edu, newstalk.com, independent.co.uk, economist.com, thetrumpet.com, ipfs.io

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เปิดประวัติ เซบาสเตียน เคิร์ซ ว่าที่นายกฯ ออสเตรีย ผู้นำที่อายุน้อยที่สุดในโลก อัปเดตล่าสุด 18 ตุลาคม 2560 เวลา 10:09:08 43,529 อ่าน
TOP