กลายเป็นข่าวช็อกทั้งจังหวัด หลังจากที่มีคนมาแฉว่า "พระราชรัชมุนี" เจ้าอาวาสวัดสวนดอก พระอารามหลวง อ.เมือง จ. เชียงใหม่ ไม่ได้มีสัญชาติไทย บิดามารดามีสัญชาติพม่า อาศัยอยู่แนวชายแดนติดกับ อ.แม่อาย แอบอ้างสิทธิ์ใช้บัตรเด็กชายชาวชัยภูมิที่เสียชีวิตไปแล้วนานกว่า 20 ปี ซึ่งสังคมจี้ให้มีการตรวจสอบเรื่องนี้ และตอนนี้เจ้าอาวาสวัดดังก็หายตัวไป ไม่ออกมาชี้แจง
ล่าสุด (19 สิงหาคม 2560) รายการโหนกระแส ดำเนินรายการโดย หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย ออกอากาศทุกวันจันทร์-พฤหัสบดี เวลา 17.30 น. ทางช่อง 33 ได้เชิญตัวน้องชายเจ้าอาวาส "คุณชาญชัย ศรีวชิรพันธ์" รวมทั้ง "กรณ์ ดีมี" เลขาธิการสมาพันธ์ชาวพุทธแห่งประเทศไทย และ "พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ" พระนักคิดนักเขียนมาพูดคุยและชี้แจงในรายการ
คนไทยใหญ่กว่าจะทำบัตรตอนนั้นมันนาน แต่ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้ แล้วพี่ชายไปสวมสิทธิ์ทำไม ?
ชาญชัย : อันนี้ผมไม่ทราบท่านได้ ผมไม่ถามเพราะท่านไปอยู่ทางธรรม ผมก็อยู่ทางโลก ท่านบวชก็ใช้ใบสุทธิไม่ได้ใช้บัตรประชาชน ท่านสวมสิทธิ์ทำไมผมก็ไม่ทราบครับ
กรณ์ : ต้องบอกว่าปัจจุบันมีการตรวจสอบโดยท่านตวง นันทสิทธิ์ ตรวจสอบว่ามีคนไทยที่ตกหล่น กำลังรอพิสูจน์สัญชาติเพื่อให้ได้บัตรประชาชน มีประมาณสองล้านห้าแสนกว่าคน ที่อยู่ตามตะเข็บชายแดนเต็มไปหมดเลย ทีนี้การพิสูจน์ใช้เวลานาน แม้แต่ทางน้องชายเองกว่าจะได้บัตรประชาชนใช้เวลานานมาก แต่อันนี้ท่านทำมาตั้งแต่ต้นกว่าจะได้ก็ใช้เวลาหลายสิบปี ทีนี้ท่านเจ้าคุณเอง ท่านบวชอยู่ก็ไม่ได้สนใจ ท่านได้สิทธิ์เป็นคนไทยอยู่แล้ว พอไม่ได้ไปยื่นขอตั้งแต่แรก พอมาวันหนึ่งมันจำเป็นต้องใช้ นับวันมีความจำเป็นเข้าเรื่อย ๆ ท่านเลยพยายามที่จะไปทำ แล้วก็ได้รับทราบว่าก็น่าจะมีขบวนการเข้ามาพูดคุยกับท่าน
เป็นพวกมิจฉาชีพ ?
กรณ์ : ก็น่าจะเป็นอย่างนั้น ก็มาพูดกับท่านว่าทำแบบนี้มั้ย ง่ายดีเพราะเมื่อก่อนกวาจะได้บัตรแต่ละคน ต้องใช้เวลาพิสูจน์กัน 10-20 ปี
ในกรณีที่พูดแบบนี้ ถ้าเกิดประชาชนตั้งคำถามว่าเพราะรอนานเลยต้องมาใช้วิธีลัดแบบนี้ วิธีที่ผิดกฎหมาย มันสมควรเหรอ ?
กรณ์ : ไม่สมควรทุกกรณี การทำผิดกฎหมายไม่สมควรอยู่แล้ว แต่ก็ต้องดูว่าเราอย่ามองในเชิงวิชาการ ต้องมองว่าท่านคือชาวบ้านคนหนึ่ง ท่านอยู่ในพื้นที่ชาวบ้านเขาเวลาทำอะไรเขาก็เลือกง่าย ๆ อะไรที่มันง่ายก็เอาไว้ก่อน โดยไม่รู้ว่ามันผิด คนที่ไปพูดเกลี้ยกล่อมท่าน บอกว่าไม่เป็นไรหรอก ท่านเลยคิดว่าแบบนี้ก็ง่ายดี ท่านก็เลยอาจจะตัดสินใจผิด ถามว่าเจตนามั้ยถ้าท่านทำจริงท่านก็คงทราบว่าเป็นความผิด เพียงแต่ท่านไม่ทราบว่าเป็นความผิดอะไรมากมาย คือพระเราต้องบอกว่าพระทั้งประเทศถูกพูดมาว่าต้องไม่ยุ่งกับการเมืองท่านก็เข้าใจว่าวิถีกฎหมายเป็นเรื่องการเมืองเหมือนกัน พระทั้งประเทศจึงแทบไม่มีองค์ไหนทราบข้อกฎหมาย
ในมุมข้อกฎหมายผิดมั้ย ?
กรณ์ : ถ้าท่านทำจริงก็ผิด ผิดแต่ต้องบอกว่าผิดหนักมากแค่ไหน อายุความเป็นอย่างไร มันต้องมาดูทีละอัน มีผิดทั้งกฎหมายและพระวินัย ว่าผิดพระวินัยผิดมั้ยและผิดระดับไหน
มีการขุดว่าหลังเกิดเรื่อง ตอนนี้ท่านหายตัว หนีคดี ?
กรณ์ : ตอนนี้มีคำถามเยอะว่าทำไมท่านต้องหนีคดี ก็ต้องย้อนถามว่ามันเป็นคดีแล้วเหรอ คนไปแจ้งความมันมี แต่ว่า ณ วันนี้ยังไม่มีหมายเรียก ท่านยังไม่ถูกดำเนินคดีใด ๆ ทั้งสิ้น ถามว่าท่านหายมั้ย ท่านไม่ได้ถูกดำเนินคดีท่านก็ไม่ได้หนี ปัจจุบันท่านก็ไม่ได้หนี เพียงแต่ท่านไม่ได้ออกมาสู่สาธารณะเท่านั้นเอง คุณบอกว่ามีการแจ้งข้อกล่าวหา มันคนละประเด็น อันนี้มีคนฟ้อง แต่ว่าตำรวจยังไม่ได้ออกหมายเรียก ยังไมได้ตั้งข้อกล่าวหาใด ๆ เลย เพราะฉะนั้นท่านไม่จำเป็นต้องหนี ท่านเก็บตัว
ทำไมท่านไม่ออกมาชี้แจง ?
กรณ์ : ก็เป็นเรื่องปกติทั่วไปว่าคนหลาย ๆ คน พอโดนกระหน่ำเข้าไป ก็จะเงียบไว้ก่อน อีกประการหนึ่งคือพระสงฆ์เองท่านมีแนวทางปฏิบัติ สังเกตเวลามีใครไปกล่าวหาพระสงฆ์ที่ไหน ส่วนใหญ่นะครับ ไม่ใช่ทั้งหมด ส่วนใหญ่ทันทีที่กล่าวหาท่านจะเงียบ เท่าที่ตรวจสอบดูอายุความ 10 ปี เหตุเกิดปี 38 มันก็หมดไปแล้ว
มาเรื่องพระวินัย มองยังไง ?
พระมหาไพรวัลย์ : คือตอนนี้สังคมตั้งคำถามกับท่านเจ้าคุณสองกรณี กรณีหนึ่งอาจหนักหรือเปล่าไม่ทราบ สังคมบอกว่าต้องปราชิกหรือเปล่า เพราะสวมสิทธิ์ที่คนอื่นไม่ได้ให้มาเป็นของตัวเอง อีกประการหนึ่งหลวงพ่อผิดวินัยข้อมุสาวาสหรือเปล่า กล่าวเท็จหรือเปล่าก็ต้องไปว่ากัน ส่วนที่ว่าหลวงพ่อท่านปาราชิกมั้ยจะไปกล่าวหาท่านก็คงไม่ได้ ต้องผ่านกระบวนการสอบสวนจากคณะผู้ปกครองก่อน การจะอาบัติปาราชิกได้ต้องเอาตัวพระมาสอบสวน เอาตัวท่านเจ้าคุณไปสอบสวนกับคณะสงฆ์ถามเจตนาให้แน่ชัด ถ้าท่านมีหลักฐานอะไรโต้แย้งว่าไม่ได้มีเจตนา ท่านไม่รู้ว่ามีการสวมสิทธิ์ คิดว่าเป็นไปตามหลักการข้อกฎหมายก็ว่าไป ถ้าท่านไม่มีข้อมูลหลักฐานในการโต้แย้ง คณะสงฆ์อาจจะใช้มหาประเทศ 4 ในการพิจารณาความผิดก็ได้ว่าเข้าข่ายหรือไม่เข้าข่าย
ในมุมคุณกรณ์จะมองว่าการยืมชื่อมาใช้ไม่เป็นไร ?
กรณ์ : อันนี้กำลังพูดทางพระวินัย ทางกฎหมายยังไงก็ผิดถึงแม้จะหมดอายุความ พระวินัยผิดแต่ผิดระดับไหน ถ้าอาบัติปราชิกผมก็ตอบแทนไม่ได้ว่าท่านผิดหรือไม่ ต้องให้ทางคณะสงฆ์เรียกมาสอบ วาท่านผิด อาบัติระดับไหน
คุณกรณ์สนิทท่านเหรอถึงออกมาปกป้องสุดตัว ?
กรณ์ : ไม่รู้จักท่านเลย ไม่เคยคุยกับท่านเลย พอทราบเหมือนกันว่าท่านอยู่ที่ไหน แต่ถ้าบอกไปเดี๋ยวคนไปเอาค่าหัว (หัวเราะ) ไม่รู้จักครับ แต่องค์กรของเราทำหน้าที่ปกป้องพระพุทธศาสนาด้วย แล้ววัดสวนดอกผมไปมาหลายครั้ง ไม่เคยเจอท่านนะครับ ได้พูดคุยกับลูกศิษย์ท่าน ที่วัดมีมหาจุฬาที่นั่น มีสอนระดับมัธยม แล้วมีการไปเปิดที่อื่น เป็นสำนักปฏิบัติธรรมผมเห็นจริยวัตรของท่าน ท่านเปิดสำนักปฏิบัติธรรมให้คนไปปฏิบัติธรรมก็เป็นคุณูปการ เอาคนที่ด้อยโอกาสมาเรียน มาให้ทุนการศึกษา สร้างคนพัฒนาคนให้เป็นคนไทยของแผ่นดิน ผมไม่เห็นท่านเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศแม้แต่น้อยเลย
พระอาจารย์ถือว่าผิดมั้ยการเอาชื่อคนตายมาสวมตัวเอง ?
พระมหาไพรวัลย์ : คืออาตมามองว่าเราไปโฟกัสเรื่องพระวินัยซึ่งมันเป็นประเด็นรองนะ เพราะมันเป็นเรื่องทางกฎหมาย ซึ่งค่อนข้างมีมูลในการกระทำความผิดที่ชัดเจน ซึ่งเราก็ต้องรอว่าท่านจะมาแก้ต่างหรือมีหลักฐานในการแย้งกับสิ่งที่ท่านตกเป็นจำเลยของสังคมอย่างไรเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราต้องพูดกันแน่นอนว่าการที่ท่านไปสวมสิทธิ์ ท่านมีเจตนา รู้เห็นเป็นใจ ท่านสมรู้ร่วมคิดด้วยมั้ย หรือท่านรู้เรื่องตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ ท่านมีส่วนร่วมมั้ย ถ้าท่านมีส่วนร่วมท่านทำผิดกฎหมายอย่างชัดเจน เราต้องพูดในเรื่องนี้ เรื่องทางพระวินัยเป็นเรื่องเล็กมากเลย ถ้าท่านจะบอกว่าไม่รู้ ท่านต้องเอาข้อมูลมาแย้ง ตอนไปแจ้งกับอำเภอใครไป ก็เป็นท่านไปแจ้งเอง
ท่านก็ต้องรู้ว่าสิ่งที่ทำมันผิด ?
พระมหาไพรวัลย์ : เรื่องนี้ต้องสอบกันอีกยาว ถ้าท่านเจ้าคุณท่านบอกว่าไม่มีส่วนรู้เห็น และไม่รู้ว่าการทำแบบนี้มันเป็นความผิด ตำรวจต้องซักคนที่มาทำให้หลวงพ่อ คืออยู่ดี ๆ เรื่องบัตรประชาชนมันจะมาทำแบบนี้กันง่าย ๆ มันเป็นไปไม่ได้
พระมหาไพรวัลย์ : ต้องดูว่านับตั้งแต่ตอนไหน นับตั้งแต่เรื่องเกิด แต่ถึงแม้ว่าหมดอายุความไปแล้วก็ตาม ผิดก็คือผิด ในส่วนกูฎหมายไม่ยุ่ง ผิดในความรู้สึกของคน เพราะไม่น่าทำแบบนี้
จะทำยังไง ความศรัทธาของคน หมดไป ?
พระมหาไพรวัลย์ : คงต้องพูดในส่วนของกฎหมายก่อนว่าจะต้องทำอย่างไร อันดับแรกถ่านสวมสิทธิ์ท่านต้องสละสิทธิ์ตรงนั้นออกไป ต้องละตรงนั้นออกไป แต่ท่านได้สิทธิ์อยู่แล้วคือการเกิดเป็นคนไทยซึ่งสามารถพิสูจน์ดีเอ็นเอได้ น้องชายก็อยู่ พี่น้องก็อยู่ ตรวจดีเอ็นเอว่าท่านเกิดที่นั่นจริงมั้ย ให้ผู้ใหญ่บ้านที่นั่นรับรอง เพื่อดำเนินการขอมีบัตรประชาชน ต้องทำสองด้านการสวมสิทธิ์นั้นต้องสละออก ต้องไม่ใช้ สองท่านต้องไปทำบัตรคนไทยด้วยกระบวนการพิสูจน์ว่าท่านเป็นคนไทย นี่คือทางออก ต้องทำสองด้าน ก็ตรวจสอบง่ายครับ ท่านจะออกหรือไม่ออกก็ยังไม่ทราบเพราะไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา
หนีมั้ย ?
กรณ์ : ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดสวนดอก ท่านก็อยู่สวนดอก
ให้ออกมาชี้แจงไมได้เหรอ?
กรณ์ : ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนของกฎหมาย ตอนนี้ท่านผิดหรือไม่ผิดก็ยังไม่มีใครรู้ ยังไม่ชี้แจงอะไรเลย ก็ต้องรอท่านออกมาชี้แจงเอง ผมตอบแทนท่านไม่ได้
พระมหาไพรวัลย์ : ต้องบอกว่าคนที่จะบอกว่าท่านผิดในทางกฎหมายคือศาล ถ้าบอกว่าผิดในทางพระวินัยคือคนในคณะสงฆ์ การปกครอง
กรณ์ : คือตอนนี้จะมีกลุ่มที่ไปซ้ำเติมว่าทำผิดแบบนี้ ๆ เหมือนความผิดท่านยังไมได้ใหญ่โต เหมือนเราขับรถฝ่าไฟแดง ถึงขั้นจับติดคุกมั้ย ต้องเอาให้ตายมั้ย ก็ยังไม่ใช่
